ภาวะตลาดเงินนิวยอร์ก: วิตกหนี้ยุโรปดันนลท.ทิ้งยูโรไปซื้อดอลล์เพื่อเลี่ยงความเสี่ยง

ข่าวต่างประเทศ Saturday February 6, 2010 11:00 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐยังคงพุ่งขึ้นต่อเนื่องเมื่อเทียบกับยูโรและสกุลเงินหลักๆ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (5 ก.พ.) เนื่องจากความวิตกเกี่ยวกับหนี้สาธารณะและยอดขาดดุลงบประมาณของหลายประเทศในยุโรป รวมถึงกรีซ สเปน และโปรตุเกส ส่งผลให้นักลงทุนทิ้งยูโรและหันไปซื้อดอลลาร์ที่มีความเสี่ยงน้อยกว่า

ค่าเงินยูโรอ่อนค่าลงแตะ 1.3659 ดอลลาร์ จากระดับ 1.3734 เมื่อวันพฤหัสบดี และอ่อนค่าลงแตะ 122.09 เยน จากระดับ 122.19

ขณะที่ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าขึ้นแตะ 89.380 เยน จากระดับ 88.950 ในวันพฤหัสบดี นอกจากนี้ ดอลลาร์สหรัฐพุ่งขึ้นแตะ 1.0735 ฟรังค์สวิส จากระดับ 1.0663 และเพิ่มขึ้นแตะ 1.0731 ดอลลาร์แคนาดา จากระดับ 1.0718

เงินปอนด์ร่วงแตะ 1.5602 ดอลลาร์สหรัฐ จาก 1.5764 ดอลลาร์

ทั้งนี้ เงินยูโรร่วงลงมากที่สุดในรอบเกือบ 1 ปีเมื่อเทียบกับเยน และแตะที่ระดับต่ำสุดในรอบ 8 เดือนเมื่อเทียบกับดอลลาร์ เนื่องจากนักลงทุนหวั่นว่าปัญหายอดขาดดุลงบประมาณในกรีซและประเทศอื่นๆในยุโรปจะเป็นอุปสรรคขัดขวางการขยายตัวของเศรษฐกิจในภูมิภาค

นอกจากนี้ เป็นสัปดาห์ที่ 4 แล้วที่เงินยูโรร่วงลงเมื่อเทียบกับดอลลาร์และเยน เนื่องจากนักลงทุนคาดว่า วิกฤตหนี้สาธารณะในยุโรปจะส่งผลให้ธนาคารกลางยุโรปคงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับต่ำสุดเป็นประวัติการณ์ออกไปนานขึ้น โดยยูโรร่วง 1.4% เมื่อเทียบดอลลาร์ และอ่อนตัว 2.5% เทียบเยนในสัปดาห์นี้

นักวิเคราะห์กล่าวว่า นับเป็นบททดสอบที่ยากที่สุดสำหรับสกุลเงินยูโรนับตั้งแต่ที่เริ่มมีการใช้เงินสกุลนี้เมื่อปี 2542

เงินดอลลาร์บวกขึ้นเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักๆ หลังจากที่รายงานจากกระทรวงแรงงานเผยให้เห็นว่า ตัวเลขจ้างงานลดลง 20,000 ตำแหน่งในเดือนม.ค. ซึ่งสวนทางกับที่ตลาดคาดการณ์ว่าจะเพิ่มขึ้น ขณะที่อัตราว่างงานลดลงแตะ 9.7% ซึ่งเหนือความคาดหมายของนักวิเคราะห์ที่มองว่าจะทรงตัวหรือขยับขึ้นเล็กน้อยจากระดับ 10% ในเดือนธ.ค.

เงินฟรังค์สวิสร่วงลงจากระดับสูงสุดในรอบ 15 เดือนเมื่อเทียบกับยูโร เนื่องจากเทรดเดอร์คาดการณ์ว่าธนาคารกลางสวิสขายสกุลเงินเพื่อป้องกันเงินแข็งค่า

เมื่อวันพุธ สหภาพยุโรปอนุมัติแผนการของนายกรัฐมนตรีจอร์จ ปาปันเดรอู ของกรีซ ในการลดยอดขาดดุลงบประมาณครั้งใหญ่ โดยเจ้าหน้าที่ระดับสูงของอียูบางราย ซึ่งรวมถึงนายฌอง-คล้อด ทริเชต์ ผู้ว่าการธนาคารกลางยุโรป กล่าวว่า พวกเขาเชื่อมั่นว่า กรีซจะสามารถบรรลุเป้าหมายที่วางไว้ แต่การแสดงความคิดเห็นดังกล่าวก็ยังไม่ช่วยหยุดการร่วงลงของยูโร เนื่องจากนักลงทุนไม่แน่ใจว่ารัฐบาลกรีซจะสามารถปฏิบัติตามแผนได้อย่างราบรื่นและเป็นผลสำเร็จ

ทั้งนี้ มาตรการดังกล่าวของกรีซรวมถึงการลดเงินเดือนและค่าจ่ายในภาคสาธารณะลง 10% เพิ่มอายุเกษียณให้สูงขึ้น และการขึ้นค่าเชื้อเพลิง นอกจากนี้นายกรัฐมนตรีกรีซยังได้ประกาศว่าจะไล่ล่าผู้ที่หลบเลี่ยงภาษี และอาจจำเป็นต้องขึ้นภาษีผู้มีฐานะ


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ