นายไตรรงค์ สุวรรณคีรี รองนายกรัฐมนตรี ฝ่ายเศรษฐกิจ กล่าวว่า รัฐบาลไม่มีแนวคิดที่จะยกเลิกโครงการลงทุนภายใต้งบไทยเข้มแข็งที่อยู่ในความดูแลของพรรคร่วมรัฐบาล แต่อาจจะมีการปรับปรุงหรือทบทวนบางโครงการตามลำดับความสำคัญเพื่อให้เป็นประโยชน์ต่อระบบเศรษฐกิจ ซึ่งเชื่อว่าจะไม่มีปัญหากับพรรครร่วมรัฐบาลและจะไม่เป็นเงื่อนไขที่พรรคร่วมรัฐบาลอาจจะไปคว่ำร่าง พ.ร.ก.เงินกู้ฯ 4 แสนล้านบาท
"ไม่หรอก คุณมองเหมือนเราเป็นศัตรูกัน ดูเหมือนพรรคร่วมฯอยู่คนละประเทศ ไม่มี พูดกันรู้เรื่อง เขาก็รักบ้านเมืองเหมือนกัน"นายไตรรงค์ กล่าว
นายไตรรงค์ กล่าวว่า แม้ว่าโครงการถนนไร้ฝุ่นมีความจำเป็น แต่คงจะไม่ถึงขนาดว่าต้องให้ความสำคัญเป็นอันดับแรก เพราะรัฐบาลควรจะนำเงินกู้ไปใช้ลงทุนในโครงการขนาดใหญ่ๆ ที่จะมีผลต่อการพัฒนาเศรษฐกิจในอนาคตข้างหน้าก่อน ไม่ว่าจะเป็นรถไฟรางคู่ หรือโครงการแลนด์บริดจ์
"ผมคิดว่าประชาชนไม่เห็นด้วย ถ้ากู้เงินดอกเบี้ยเยอะแยะ แล้วคุณเอาเงินมาทำถนนอย่างนี้เป็นเบี้ยหัวแตก มันเพิ่มรายได้ประชาชนตรงไหน"นายไตรรงค์ กล่าว
ส่วนกระแสข่าวการถอนร่าง พ.ร.ก.ให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อฟื้นฟูและเสริมสร้างความมั่นคง หรือ พ.ร.ก.กู้เงินฯ 4 แสนล้านบาทเพราะเกรงจะคว่ำกลางสภานั้น นายไตรรงค์ กล่าวว่า ไม่ทราบแนวคิดดังกล่าว เพียงแต่ขณะนี้รัฐบาลจะรอให้คณะกรรมการกฤษฎีกาชี้ขาดก่อนว่าวุฒิสภามีอำนาจในการให้ความเห็นชอบต่อพ.ร.ก.กู้เงินตรงนี้ด้วยหรือไม่ เพราะที่ผ่านมาพ.ร.บ.ต่างๆ ทางสว.ไม่เคยมีส่วนเข้ามาให้ความเห็นชอบ เพียงแต่รับทราบเท่านั้น ซึ่งหากกฤษฎีกาให้คำตอบมาเมื่อไหร่ก็จะเรียกประชุมอีกครั้งหนึ่ง
สำหรับการปรับปรุงวงเงินงบประมาณรายจ่าย ยังมีเวลาอีก 2 เดือนที่จะมีการทบทวนงบประมาณได้ รัฐบาลจะเข้าไปดูว่าโครงการไหนที่มีความจำเป็นหรือไม่มีความจำเป็น อาจจะมีการปรับตามความเหมาะสมต่อไป ซึ่งขณะนี้ตนเองได้มอบหมายให้ที่ปรึกษาติดตามโครงการที่มีความสำคัญต่อการขับเคลื่อนเศรษฐกิจ ได้แก่ โครงการรถไฟรางคู่ มาตรการลดต้นทุนทางด้านสินค้าเกษตร แผนจัดการด้านชลประทาน
"ในส่วนของมาตรการต่างๆ กำลังให้ที่ปรึกษา 6-7 ชุดเดินหน้าวางแผนจัดการไม่ว่าในเรื่องของชลประทาน มาตรการลดต้นทุนทางด้านสินค้าเกษตร โดยเฉพาะเรื่องของข้าว และรถไฟรางคู่"นายไตรรงค์ กล่าว
นายไตรรงค์ กล่าวว่า ในวันนี้จะไปที่สำนักงบประมาณ โดยจะไปให้นโยบายเกี่ยวกับราคาสินค้าเกษตร ซึ่งบางอย่างเคยตั้งงบฯไว้ในช่วงเศรษฐกิจดี แต่เมื่อเศรษฐกิจได้หยุดตัวลงมาทำให้ราคาสินค้าเกษตรต่างๆ ปรับลดราคาลงมาด้วย จึงจะขอให้มีการทบทวนในเรื่องนี้ โดยจะประสานกับกรมการค้าภายในต่อไป เพื่อจะดูว่าจะมีสินค้าตัวไหนบ้างที่ควรจะมีการปรับราคากลางลงมา
กรณีที่ธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.)ประกาศผ่อนคลายหลักเกณฑ์ต่าง ๆ โดยเฉพาะการดูแลเงินทุนไหลออกเป็นมาตรการที่ถูกต้อง ซึ่งเมื่อประกาศออกมามีผลทำให้ค่าเงินบาทหยุดการแข็งค่า แต่กว่าที่จะเห็นผลของมาตรการดังกล่าวอย่างแท้จริงคงใช้เวลา 2-3 เดือน
"การที่ ธปท.มีมาตรการ 3-4 มาตรการให้ลงทุนในต่างประเทศได้มากขึ้นเป็นแนวทางที่ถูกต้อง แต่กว่าจะเห็นผลคงต้องใช้เวลา 2-3 เดือน แต่เพียงแค่ออกข่าวคงจะช่วยหยุดการแข็งค่าของเงินบาทได้"นายไตรรงค์ กล่าว