จีนก้าวขึ้นเป็นกองทุนรวมอีทีเอฟน้ำมันรายใหญ่อันดับ 4 ของโลก โดยไชน่า อินเวสเมนท์ คอร์ป (CIC) ซึ่งเป็นกองทุนบริหารความมั่งคั่งของรัฐบาลจีน เข้าซื้อหุ้นในกองทุนน้ำมันสหรัฐ (US Oil Fund) ซึ่งเป็นกองทุนเพื่อการซื้อขายน้ำมันดิบล่วงหน้า จำนวน 2 ล้านหุ้น หรือร้อยละ 3.48 คิดเป็นมูลค่า 78.6 ล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยนอกเหนือจาก CIC แล้ว โกลด์แมน แซคส์ และมอร์แกน สแตนลีย์ แอนด์ โค ยังเข้าลงทุนในกองทุนน้ำมันสหรัฐเช่นกัน
นอกจากนี้ CIC ยังเข้าซื้อหุ้นในกองทุน SPDR Gold Trust ซึ่งเป็นกองทุน ETF ทองรายใหญ่ที่สุดในโลก จำนวน 1.45 ล้านหุ้น หรือร้อยละ 0.4 คิดเป็นมูลค่า 115.6 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
นักวิเคราะห์จาก ING Groep NV ในสิงคโปร์กล่าวว่า บริษัทเหมืองและน้ำมันของจีนได้เข้าซื้อกิจการเหมืองแร่สังกะสีในออสเตรเลีย รวมทั้งแหล่งสำรองน้ำมันในไนจีเรีย และแหล่งสำรองแร่ทองคำในฟิลิปปินส์ เพื่อรองรับดีมานด์วัตถุดิบที่ขยายตัวขึ้นตามภาวะเศรษฐกิจ โดยมีรายงานว่า CIC ได้อัดฉีดเงินลงทุนในอุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้องกับสินค้าโภคภัณฑ์เป็นวงเงินสูงถึง 1 หมื่นล้านดอลลาร์ในช่วงครึ่งหลังของปี 2552 ทำให้จีนก้าวขึ้นมามีอิทธิพลต่อตลาดสินค้าโภคภัณฑ์ของโลกในขณะนี้
นายหลู จีเหว่ย ประธาน CIC กล่าวในที่ประชุม Asian Financial Forum ที่ฮ่องกงว่า CIC กำลังพิจารณาเข้าลงทุนใหม่ๆในบริษัทที่เกี่ยวข้องกับทรัพยากรในปีนี้ โดยขณะนี้ CIC เริ่มเจรจาเรื่องการลงทุนทางตรงในบราซิลซึ่งเป็นผู้ส่งออกสินแร่เหล็กรายใหญ่อันดับ 2 ของโลก และเม็กซิโกซึ่งเป็นผู้ผลิตแร่เงินอันดับ 2 ของโลก