รายงานข่าวจากทำเนียบรัฐบาล ระบุว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีรับทราบผลการปรับปรุงงบประมาณทำการของรัฐวิสาหกิจประจำปีงบประมาณ 53 จำนวน 54 แห่ง ไม่รวม บมจ.ปตท.(PTT) โดยภาพรวมประเมินว่าผลประกอบการดีขึ้นจากปี 52 ประมาณ 1.1% โดยคาดว่าจะมีรายได้รวม 1.38 ล้านล้านบาท รายจ่าย 1.31 ล้านล้านบาท กำไรสุทธิ 61,665 ล้านบาท ขณะที่ปี 52 คาดว่าจะมีกำไรสุทธิ 61,010 ล้านบาท
การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย(กฟผ.), บมจ.กสท.โทรคมนาคม, บริษัท ไปรษณีย์ไทย จำกัด และ บมจ.การบินไทย(THAI)ยังเป็นรัฐวิสาหกิจที่คาดว่าจะมีผลประกอบการในปีงบประมาณ 53 เพิ่มขึ้นจากปีงบประมาณ 52 โดย กฟผ.เพิ่มขึ้น 8.5% โดยมีกำไร 29,738.18 ล้านบาท, กสท. เพิ่มขึ้น 17.1% มีกำไร 10,302.45 ล้านบาท, ไปรษณีย์ไทย เพิ่มขึ้น 38.8% มีกำไร 1,000 ล้านบาท และ การบินไทย จากเดิมที่คาดว่าจะขาดทุนในปี 52 จำนวน 204 ล้านบาท เพิ่มเป็นกำไรในปี 53 จำนวน 4,356.96 ล้านบาท
ส่วนรัฐวิสาหกิจที่คาดว่าจะมีผลประกอบการต่ำกว่าปี 52 ที่สำคัญได้แก่ บมจ.ทีโอที ที่คาดว่าจะมีค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้นจากภาษีมูลค่าเพิ่มกรณี บมจ.แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด(ADVANC) หักภาษีสรรพสามิตออกจากส่วนแบ่งรายได้ประมาณ 2,948 ล้านบาท ขณะที่ปี 52 ไม่มีค่าใช้จ่ายส่วนนี้เนื่องจากคดียังไม่สิ้นสุด และได้ประมาณการรายได้ลดลงประมาณ 2.6% จึงทำให้คาดว่าในปี 53 จะมีกำไรเพียง 1,294 ล้านบาท หรือลดลง 79.8% ขณะที่ปี 52 คาดว่ามีกำไร 6,390 .20 ล้านบาท
ส่วน บมจ.ท่าอากาศยานไทย(AOT) คาดว่าจะมีค่าใช้จ่ายจากการซ่อมแซมเพิ่มขึ้นจากการเลื่อนการดำเนินการมาเป็นปี 53 เช่น การปรับปรุงถนนหลักด้านตะวันออกและตะวันตก เป็นต้น แต่มีรายได้จากกิจกรรมหลักโดยเฉพาะค่าธรรมเนียมสนามบิน ทำให้คาดว่าจะขาดทุนประมาณ 1,024.57 ล้านบาท หรือลดลง 183.9%
นอกจากนี้การเคหะแห่งชาติ(กคช.) ได้รับเงินชดเชยตามมาตรการแก้ไขปัญหาโครงการบ้านเอื้ออาทรในปี 53 เพียง 598 ล้านบาท ซึ่งต่ำกว่าปี 52 ที่ได้รับชดเชย 3,587 ล้านบาท จึงทำให้คาดว่าจะมีกำไรเพียง 10.97 ล้านบาท หรือลดลงจากปี 52 ประมาณ 99.3% ที่คาดว่ามีกำไร 1,494.07 ล้านบาท ขณะที่โรงงานยาสูบคาดว่าจะมีกำไรเพียง 4,463.72 ล้านบาท ลดลง 24.1%