นายอภิชัย บุญธีรวร กรรมการผู้จัดการ ธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย (EXIM BANK) เปิดเผยว่า ตั้งเป้ากำไรปี 53 ประมาณกว่า 200 ล้านบาท
ขณะที่ตั้งเป้าขยายวงเงินสินเชื่อที่อนุมัติเพิ่มใหม่ที่ 24,200 ล้านบาท ทำให้ยอดคงค้างสินเชื่อเพิ่มขึ้น 13% และจะมีปริมาณธุรกิจบริการประกันการส่งออกอีก 1 แสนล้านบาท
ทั้งนี้ EXIM BANK ได้ประเมินการส่งออกปี 53 ว่า น่าจะขยายตัวในระดับ 13-14% ตามที่กระทรวงพาณิชย์คาดการณ์ไว้ โดยอยู่บนสมมติฐานที่เศรษฐกิจฟื้นตัวอย่างต่อเนื่อง แต่ไม่ได้มากเกินไปจนเกิดการสะดุดของการขยายตัวทางด้านเศรษฐกิจ อย่างไรก็ตาม ต้องดูเรื่องภาวะเศรษฐกิจโลก โดยเฉพาะปัญหาเรื่องการชำระหนี้สาธารณะของประเทศทางยุโรปด้วย
ส่วนเงินบาท ประเมินว่าจะแข็งค่าขึ้น แต่ไม่ระบุว่าควรจะอยู่ที่เท่าไหร่
ขณะเดียวกัน ผู้ส่งออกควรจะมีการปรับตัวด้วยการหาตลาดใหม่ๆ และเพิ่มมูลค่าสินค้ามากขึ้น และเชื่อว่าความผันผวนของค่าเงินจะมีมากขึ้นนักธุรกิจไม่ควรเก็งกำไรอัตราแลกเปลี่ยน
พร้อมกันนี้ ได้ตั้งเป้าหมายการดำเนินงานในปี 53 คือ ต้องการเพิ่มธุรกรรมด้านนำเข้ามากขึ้น เนื่องจากแนวโน้มค่าเงินบาท ยังมีการปรับตัวแข็งค่าขึ้น ซึ่งจะส่งผลให้นักธุรกิจหรือกิจการไทยจะมีการนำเข้าเทคโนโลยีใหม่ๆ เข้ามาในการผลิตมากขึ้น
EXIM BANK จะสนับสนุนผู้ส่งออกและนักลงทุนไทยเพื่อปรับตัวให้สามารถแข่งขันในสภาพแวดล้อมของ FTA และ AEC หรือประชาคมเศรษฐกิจอาเซียนมากยิ่งขึ้น เนื่องจากในส่วนของ FTA ขณะนี้สินค้ากว่า 8 พันมีภาระภาษีขาเข้าเหลือ 0% ซึ่งเป็นโอกาสส่งออกไปขายในต่างประเทศได้มากขึ้น
การดำเนินการตามขั้นตอน Fast Tax อย่างต่อเนื่อง เนื่องจาก EXIM BANK ต้องการรักษามาตรฐานการบริการที่รวดเร็ว และปรับปรุงกระบวนการทำงานภายในองค์กร และเพิ่มสาขาย่อย 15 สาขา
สำหรับผลการดำเนินงานในปี 52 EXIM BANK นายอภิชัย กล่าวว่า ผลการดำเนินงานในปีที่ผ่านมาเป็นที่น่าพอใจ โดยมีกำไรสุทธิ 347 ล้านบาท คิดเป็น 347% ของเป้าหมายที่กำหนดไว้ มีวงเงินอนุมัติสินเชื่อ 54,298 ล้านบาทหรือ 146% ของเป้าหมายรวมตามที่ได้รับมอบหมายจากกระทรวงการคลัง
โดยจำนวนนี้เป็นวงเงินอนุมัติสินเชื่อฟาสต์แทร็กจำนวน 17,579 ล้านบาทหรือ 352% ของเป้าหมาย 5,000 ล้านบาทตามที่ได้รับมอบหมายจากกระทรวงการคลัง รวมทั้งอนุมัติวงเงินรับประกันการส่งออกและการลงทุนจำนวน 7,617 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 368% จากปี 2551 และมีมูลค่ารับประกันการส่งออกและการลงทุนทั้งสิ้น 60,357 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 51% เมื่อเทียบกับปี 2551 นอกจากนี้ สินเชื่อที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (Non-performing Loans : NPLs) ในปี 2552 อยู่ที่ 4,370 ล้านบาทหรือคิดเป็น 8.16% ของยอดเงินให้สินเชื่อและดอกเบี้ยค้างรับ ลดลงจาก 9.24% ในปี 2551
นอกจากนี้ ในปี 52 EXIM BANK ได้ขยายความร่วมมือกับธนาคารในต่างประเทศ อาทิ อินโดนีเซียและรัสเซีย เพื่อเปิดให้บริการใหม่ “บริการสนับสนุนสินเชื่อแก่ผู้ซื้อในต่างประเทศ (Buyer’s Credit)" สนับสนุนการซื้อสินค้าและบริการของไทย และได้ริเริ่มบริการใหม่ “สินเชื่อเพื่อซัพพลายเออร์ส (EXIM for Your Suppliers)" เพื่อเพิ่มสภาพคล่องให้แก่ผู้ผลิตเพื่อผู้ส่งออกที่เป็นลูกค้าของ EXIM BANK เป็นวงเงินอนุมัติรวม 106 ล้านบาท และอยู่ระหว่างทำนิติกรรมและสัญญาอีก 313 ล้านบาท