นายธนวรรธน์ พลวิชัย ผู้อำนวยการศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย เปิดเผยว่า ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือน ม.ค.53 อยู่ที่ 71.9 ปรับตัวขึ้นจาก 70.4 ในเดือน ธ.ค.52 ส่วนดัชนีความเชื่อมั่นเกี่ยวกับโอกาสการหางานทำอยู่ที่ 70.4 และดัชนีความเชื่อมั่นเกี่ยวกับรายได้ในอนาคตอยู่ที่ 95.7
สำหรับปัจจัยบวกที่ทำให้ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคในเดือน ม.ค.53 ปรับตัวดีขึ้นจากเดือน ธ.ค.52 เนื่องจากราคาพืชผลการเกษตรปรับตัวสูงขึ้น, ธปท.คาดการณ์จีดีพี ปี 53 เติบโต 3.3-5.3%, ค่าจ้างขั้นต่ำปรับเพิ่มขึ้น และการส่งออกเดือน ธ.ค.52 ขยายตัวถึง 26.2%
ส่วนปัจจัยลบที่สำคัญ คือ ราคาน้ำมันขายปลีกปรับตัวเพิ่มขึ้น, ผู้บริโภคกังวลเสถียรภาพทางการเมือง, ผู้บริโภคยังกังวลปัญหาการชะลอโครงการลงทุนในนิคมอุตสาหกรรมมาบตาพุดตามคำสั่งศาลปกครองสูงสุด
นายธนวรรธน์ คาดการณ์ว่าการบริโภคได้เริ่มปรับตัวดีขึ้น แม้จะยังขยายตัวไม่มากนักในช่วงไตรมาสแรกของปีนี้ เนื่องจากผู้บริโภคยังระมัดระวังการจับจ่ายใช้สอย แต่คาดว่าการปรับตัวด้านการบริโภคจะดีขึ้นเป็นลำดับตั้งแต่ไตรมาส 2/53 เป็นต้นไป เนื่องจากดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคทุกรายการเริ่มปรับตัวดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะความคาดหวังในการฟื้นตัวที่ดีขึ้นของภาวะเศรษฐกิจและการจ้างงานในอนาคต หากไม่มีความผันผวนหรือปัจจัยลบที่รุนแรงในอนาคต แต่ขณะนี้ผู้บริโภคยังกังวลสถานการณ์ทางการเมือง ความยั่งยืนในการฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทยและเศรษฐกิจโลกที่ยังส่งผลด้านจิตวิทยาเชิงลบต่อความเชื่อมั่นของผู้บริโภคอย่างต่อเนื่อง
ดังนั้น ผลพยากรณ์เห็นว่ารัฐบาลควรจะเริ่มมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจรอบ 2 ให้เกิดผลเป็นรูปธรรมอย่างรวดเร็ว เพื่อให้เกิดการสร้างงานในประเทศ ตลอดจนบริหารการเมืองให้มีเสถียรภาพมากขึ้นอย่างต่อเนื่อง ซึ่งจะช่วยฟื้นความเชื่อมั่นของผู้บริโภคและช่วยผลักดันให้การบริโภคภาคเอกชนปรับตัวดีขึ้นในช่วงกลางปีนี้เป็นต้นไป