นายธนวรรธน์ พลวิชัย ผู้อำนวยการศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย เปิดเผยว่า การที่เวียดนามประกาศลดค่าเงินดองลงอีก 3.4% ไม่ถือเป็นเรื่องที่อยู่นอกเหนือความคาดหมาย เนื่องจากเวียดนามต้องการแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจในประเทศ แต่การลดค่าเงินดังกล่าวจะทำให้นักลงทุนต่างชาติเกิดความกังวลต่อสถานการณ์ทางเศรษฐกิจมากขึ้น และอาจลดความเชื่อมั่นได้
สิ่งที่ไทยจะได้รับผลกระทบตามมาคือขีดความสามารถทางการแข่งขันด้านการส่งออกของสินค้าไทยที่ต้องแข่งขันกับสินค้าเวียดนามมากขึ้น โดยมองว่าธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.) ควรจะบริหารค่าเงินบาทให้มีเสถียรภาพและไม่ควรปล่อยให้แข็งค่าไปมากกว่า 33 บาท/ดอลลาร์
ด้านนายไพรัช บูรพชัยศรี กรรมการเลขาธิการหอการค้าไทย ยอมรับว่า การประกาศลดค่าเงินดองของเวียดนามจะส่งผลกระทบต่อผู้ส่งออกของไทยอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ เพราะเวียดนามถือเป็นคู่แข่งสำคัญทางการค้าของไทยในสินค้าหลายรายการ ทั้งนี้ เห็นว่าเวียดนามปรับลดค่าเงินดองก็เพื่อต้องการดึงดูดนักลงทุนต่างประเทศให้หันเข้าไปลงทุนมากขึ้น
วันนี้ธนาคารกลางเวียดนามประกาศลดค่าเงินดอง 3.4% ซึ่งการลดค่าเงินดองวันนี้นับเป็นครั้งที่ 2 ตั้งแต่เดือนพ.ย.52 โดยธนาคารกลางเวียดนามมีเพื่อเป้าหมายที่จะลดยอดขาดดุลการค้าที่เป็นปัจจัยคุกคามการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ ซึ่งเงินดองที่มีมูลค่าลดลงจะช่วยให้ผู้ส่งออกเวียดนามมีกำไรมากขึ้นในตลาดต่างประเทศ