น.ส.เกศริน ผู้พิพัฒน์หิรัญกุล ผู้จัดการฝ่ายวิจัยการลงทุนภูมิภาค บริษัท ศูนย์วิจัยกสิกรไทย จำกัด เปิดเผยกับ"อินโฟเควสท์" ว่า การที่ธนาคารกลางเวียดนามประกาศลดค่าเงินดองลงอีก 3.4% ส่งผลให้การค้าการส่งออกของไทยได้รับผลกระทบอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ โดยเฉพาะสินค้าไทยในประเภทที่เป็นคู่แข่งกับเวียดนาม คือ ข้าว, สิ่งทอ, อาหารทะเลแปรรูป และรองเท้า
แต่ทั้งนี้มองว่าการลดค่าเงินดองจะไม่ส่งผลกระทบโดยรวมต่อการส่งออกของไทยทั้งหมด แต่จะกระทบเฉพาะสินค้าในระดับล่าง หรือสินค้าประเภทต้องใช้แรงงานสูง แต่หากเป็นสินค้าในระดับบนที่ไม่ได้แข่งขันด้วยราคาเป็นหลัก ก็เชื่อว่าคงไม่ได้รับผลกระทบมาก
"สินค้าของเวียดนามสามารถแข่งขันได้ดีขึ้น เพราะสินค้าส่งออกของเวียดนามจะราคาถูกลง ทำให้สินค้าเวียดนามประเภทเดียวกันกับไทย เช่น สิ่งทอ รองเท้า ยิ่งเป็นสินค้าประเภทที่ใช้แรงงานมากๆ จากเดิมที่ต้นทุนถูกอยู่แล้วก็จะยิ่งถูกลงไปอีก" น.ส.เกศริน ระบุ
อย่างไรก็ดี ประเมินว่าผลกระทบที่เกิดขึ้นทำให้สินค้าไทยประเภทดังกล่าวต้องเสียส่วนแบ่งตลาดให้แก่เวียดนามบ้าง ซึ่งจะเห็นได้ชัดเจนในช่วงตัวเลขการส่งออกเดือนเม.ย. หรือ พ.ค.เป็นต้นไป เนื่องจากสินค้าส่วนใหญ่มีคำสั่งซื้อล่วงหน้าไว้แล้ว
ผู้จัดการฝ่ายวิจัยการลงทุนภูมิภาค กล่าวต่อว่า มีความเป็นไปได้ที่จะเวียดนามจะปรับลดค่าเงินดองลงอีกภายในปีนี้ เนื่องจากการขาดดุลการค้าของเวียดนามในแต่ละเดือนถือว่ายังอยู่ในระดับสูง ซึ่งการลดค่าเงินดองจะช่วยทำให้สินค้าเวียดนามสามารถส่งออกได้มากขึ้นเพราะราคาถูกลง
แต่อย่างไรก็ดี การจะปรับลดค่าเงินดองอีกรอบนั้นคงต้องขึ้นอยู่กับปัจจัยที่นำมาประกอบการพิจารณา เช่น ภาวะเงินเฟ้อ
อนึ่ง วันนี้ธนาคารกลางเวียดนามประกาศลดค่าเงินดองลง 3.4% ซึ่งการลดค่าเงินดองวันนี้นับเป็นครั้งที่ 2 ตั้งแต่เดือนพ.ย.52 โดยธนาคารกลางเวียดนามมีเพื่อเป้าหมายที่จะลดยอดขาดดุลการค้าที่เป็นปัจจัยคุกคามการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ ซึ่งเงินดองที่มีมูลค่าลดลงจะช่วยให้ผู้ส่งออกเวียดนามมีกำไรมากขึ้นในตลาดต่างประเทศ