เว็บไซต์ Edmunds.com ซึ่งเป็นเว็บไซต์วิจัยตลาดยานยนต์คาดโตโยต้าอาจเสียส่วนแบ่งทางการตลาดในสหรัฐมากกว่า 1% ในปีนี้ หลังวิกฤตเรียกคืนรถส่งผลกระทบต่อยอดขาย ขณะเจดี พาวเวอร์ แอนด์ แอสโซซิเอทส์ เชื่อว่าส่วนแบ่งการตลาดของโตโยต้าในเมืองลุงแซมลดลงเพียง 0.3-1.0% ฟากโฆษกของโตโยต้ามั่นใจยอดขายไม่น่าเป็นห่วง
รายงานคาดการณ์เบื้องต้นจากเว็บไซต์วิจัยตลาดยานยนต์ระบุว่า ยอดขายของโตโยต้าที่ลดลงอันเป็นผลกระทบจากการเรียกคืนรถนั้นจะทำให้โตโยต้าเสียส่วนแบ่งในตลาดสหรัฐ จนส่งผลให้ส่วนแบ่งการตลาดของบริษัทหล่นไปอยู่ที่อันดับสาม ตามหลังฟอร์ด ที่ครองส่วนแบ่งตลาดในอันดับสองรองจากเจนเนอรัล มอเตอร์ (จีเอ็ม) ขณะที่นิสสัน มอเตอร์ และฮุนได มอเตอร์ จะมีโอกาสทำยอดขายได้ดีขึ้น ในยามที่ลูกค้ายังกังวลต่อแบรนด์ของโตโยต้า
ด้านโฆษกของโตโยต้ากล่าวว่า เห็นได้ชัดว่ายอดขายของโตโยต้าได้รับผลกระทบ แต่ถึงกระนั้นก็ยังเป็นการเร็วเกินไปที่จะคาดการณ์ถึงระดับความรุนแรงที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต เพราะเมื่อเปรียบเทียบยอดขายของเรากับคู่แข่งแล้วพบว่าไม่น่าเป็นห่วง
ทั้งนี้ โตโยต้า กำลังพยายามปลุกความเชื่อมั่นจากการเรียกคืนรถทั่วโลกกว่า 8 ล้านคัน รวมถึงการระงับการจำหน่ายรถ 8 รุ่นในสหรัฐไม่เว้นแม้แต่รุ่นขายดีอย่างคัมรี โดยโตโยต้าหวังที่จะครองบัลลังก์ความเป็นค่ายรถรายใหญ่ที่สุดในแง่ยอดขายไว้ต่อไปหลังจากที่สามารถทำยอดขายพุ่งขึ้นแซงหน้าจีเอ็ม อดีตบริษัทรถยักษ์ใหญ่สุดในโลกของปี 2551 มาได้สำเร็จ
อย่างไรก็ตาม รายงานระบุว่า จีเอ็มจะยังคงเป็นผู้นำการครองส่วนแบ่งในตลาดสหรัฐที่ 18.1% ซึ่งตัวเลขดังกล่าวเพิ่มจากที่ทางเว็บไซต์คาดการณ์ในก่อนหน้านี้ที่ระดับ 17.9% ในปี 2552 ขณะที่ส่วนแบ่งการตลาดของฟอร์ดจะเพิ่มแตะ 16.6% แต่โตโยต้าจะมีส่วนแบ่งทางการตลาดลดลงสู่ระดับ 16.5% จากที่เคยอยู่ที่ 17% ในปีที่แล้ว ทั้งนี้ นักวิเคราะห์จากเจพีมอร์แกนเชื่อว่า โตโยต้าจะสามารถกอบกู้ชื่อเสียงของบริษัทกลับคืนมาได้ แม้ว่าในระยะนี้ วิกฤตการณ์ที่เกิดขึ้นกับโตโยต้าจะส่งผลต่อส่วนแบ่งในตลาดอยู่บ้าง แต่สำหรับในระยะยาวนั้น ปัญหาดังกล่าวจะไม่ส่งผลกระทบต่อแบรนด์อย่างแน่นอน