ธนารักษ์ คาดเรียกคืนที่ราชพัสดุคืนครบ 1 ล้านไร่ พัฒนาพืชเกษตร-พลังงาน

ข่าวเศรษฐกิจ Monday February 15, 2010 10:00 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายเทวัญ วิชิตะกุล อธิบดีกรมธนารักษ์ เปิดเผยถึงความคืบหน้าในการเรียกคืนที่ดินราชพัสดุทั่วประเทศตามมติคณะรัฐมนตรีที่ตั้งเป้าไว้ 1 ล้านไร่ว่า ล่าสุดกรมธนารักษ์สามารถเรียกคืนที่ดินราชพัสดุจากหน่วยงานต่างๆ ได้แล้วทั้งสิ้น 8 แสนไร่ แบ่งเป็น พื้นที่ที่สามารถบริหารจัดการได้แล้ว 3 แสนไร่ ส่วนที่เหลืออีก 5 แสนไร่ยังอยู่ในขั้นตอนการตรวจสอบ ซึ่งทางกรมฯ คาดว่าภายในปีนี้จะสามารถเรียกคืนที่ดินราชพัสดุได้เพิ่มเติมอีก 2 แสนไร่ ซึ่งจะทำให้ครบตามเป้าหมายที่วางไว้อย่างแน่นอน

สำหรับโครงการนำที่ดินราชพัสดุมาสนับสนุนการปลูกพืชอาหารและพืชพลังงานทดแทน หรือโครงการ 1 ล้านไร่ มิติใหม่ที่ราชพัสดุนั้น รัฐบาลมีนโยบายเรียกคืนที่ดินราชพัสดุจากส่วนราชการที่ครอบครองไว้เกินความจำเป็นและไม่ได้ใช้ประโยชน์มาจัดให้เกษตรกรเช่าทำการเกษตรในราคาถูก เพื่อแก้ปัญหาวิกฤติพืชอาหารและพลังงาน แก้ไขปัญหาไม่มีที่ดินทำกินของเกษตรกรซึ่งรัฐบาลพร้อมสนับสนุนต้นกล้าสำหรับพืชไร่และพืชทดแทนพลังงานที่มีสายพันธุ์ดี ส่งเสริมให้มีการทำการเกษตรอย่างมีคุณภาพ และช่วยเพิ่มมูลค่าและพัฒนาการใช้พื้นที่ราชพัสดุให้เกิดประโยชน์อย่างแท้จริง

อธิบดีกรมธนารักษ์ ยังฝากไปถึงประชาชนที่มีการบุกรุกพื้นที่ราชพัสดุว่า รัฐบาลมีนโยบายที่จะเปลี่ยนผู้บุกรุกเป็นผู้เช่า ดังนั้นจึงขอให้ประชาชนที่ถือครองที่ดินดังกล่าวดำเนินการเช่าพื้นที่ให้ถูกต้องตามกฎหมาย ซึ่งรัฐบาลจะช่วยสนับสนุนในการใช้พื้นที่ดังกล่าวให้เกิดประโยชน์ในทางเศรษฐกิจอย่างแท้จริง ทั้งการปลูกพืชอาหาร และการปลูกพืชพลังงานทดแทน ตลอดจนช่วยสนับสนุนการต่อยอดพัฒนาการเกษตร ทั้งด้านเทคโนโลยี, การจัดการระบบโลจิสติกส์ และการทำการตลาด ซึ่งทั้งหมดนี้จะช่วยสร้างรายได้ให้แก่เกษตรกรในพื้นที่ได้อย่างแท้จริง

นายเทวัญ กล่าวต่อว่า กรมธนารักษ์ยังมีนโยบายในการจัดหาที่ราชพัสดุมาใช้ประโยชน์เพื่อสนับสนุนโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ ซึ่งเป็นโครงการที่เป็นประโยชน์ต่อเศรษฐกิจชุมชนตามแนวทางเศรษฐกิจพอเพียง โดยการจัดหาพื้นที่ที่มีความเหมาะสมกับภารกิจมาสนับสนุนโครงการและประสานงานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น สำนักพระราชวัง และมูลนิธิชัยพัฒนา

โดยขณะนี้กรมธนารักษ์ได้ให้การสนับสนุนพื้นที่ราชพัสดุประมาณ 575 ไร่ ที่ ต.โป่งน้ำร้อน อ.ฝาง จ.เชียงใหม่ ในโครงการความร่วมมือระหว่างมูลนิธิชัยพัฒนา กับสาธารณรัฐประชาชนจีน ส่วนประเทศจีนเป็นผู้สนับสนุนการถ่ายทอดเทคโนโลยี บุคลากร และพันธุ์พืช และปัจจัยการผลิตอื่นๆ ในวงเงินราว 1 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ซึ่งโครงการนี้จะเป็นศูนย์ความร่วมมือทางวิชาการของไทยและจีน เป็นแหล่งรวบรวม ศึกษา ทดสอบ อนุรักษ์พันธุกรรมพืชและความหลากหลายของพันธุ์พืช ตลอดจนเป็นแหล่งผลิตและขยายพันธุ์พืช เพื่อนำไปใช้สำหรับการศึกษาวิจัย และการสร้างรายได้ให้แก่เกษตรกร

สำหรับศูนย์ความร่วมมือทางวิชาการไทย-จีน ที่ อ.ฝาง จ.เชียงใหม่ นั้น ในส่วนของไทยโดยมูลนิธิชัยพัฒนา ได้ประสบผลสำเร็จในการทดลองปลูกผลไม้ต่างถิ่น เช่น สตรอเบอร์รี่, โลควัท, มะขามป้อมอินเดีย, อโคคาโด เป็นต้น ขณะที่ในส่วนของจีนโดยบริษัท ไชน่า ยูนนาน คอร์ปอเรชั่น จำกัด(CYC) ได้ทดลองการปลูกกระเทียม มันฝรั่ง ชา ลูกพลับ และข้าวนาดำ เป็นต้น ซึ่งประสบผลเป็นที่น่าพอใจเช่นกัน


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ