นายธิติ ตันติกุลานันท์ ผู้บริหารสายงานธุรกิจตลาดทุน ธนาคารกสิกรไทย(KBANK)เปิดเผยว่า ธนาคารเปิดบริการใหม่ป้องกันความเสี่ยงอัตราแลกเปลี่ยนเงินหยวน ในรูปของสัญญาซื้อขายอัตราแลกเปลี่ยนล่วงหน้าแบบส่งมอบเงินหยวนเมื่อครบกำหนด(Deliverable Forward) เป็นแห่งแรก เพื่อช่วยนักธุรกิจนำเข้าส่งออกจัดการความเสี่ยงของค่าเงินหยวนได้สะดวกยิ่งขึ้น
ที่ผ่านมาการป้องกันความเสี่ยงสกุลเงินหยวน เป็นการทำสัญญาซื้อขายล่วงหน้าแบบไม่มีการส่งมอบเงินหยวนเมื่อครบกำหนด (Non-Deliverable Forward หรือ NDF) โดยคู่สัญญาจะทำการรับหรือจ่ายกันเฉพาะส่วนต่างระหว่างอัตราแลกเปลี่ยนที่จองไว้กับอัตราแลกเปลี่ยนในตลาด ณ วันครบกำหนดเท่านั้น ผู้ประกอบการที่ต้องการให้มีการส่งมอบเงินหยวน จึงต้องทำรายการซื้อหรือขายเงินหยวนในตลาดแบบส่งมอบทันที (Spot) อีกครั้ง เพื่อให้มีการส่งมอบเงินหยวนจริง ทำให้ไม่สะดวกเนื่องจากต้องทำธุรกรรมหลายขั้นตอน ส่งผลให้มีต้นทุนเพิ่มขึ้นด้วย
สำหรับบริการใหม่ดังกล่าวจะช่วยลดความยุ่งยากและต้นทุนในการดำเนินการป้องกันความเสี่ยงค่าเงินหยวน เนื่องจากผู้ประกอบธุรกิจสามารถทำรายการครั้งเดียว จะได้รับการป้องกันความเสี่ยงของค่าเงินและมีการส่งมอบเงินหยวนเมื่อครบกำหนดสัญญา ซึ่งนับเป็นส่วนหนึ่งของการพัฒนาบริการเพื่อส่งเสริมการทำธุรกรรมการค้าระหว่างไทย-จีน ครบวงจร
ก่อนหน้านี้ธนาคารเป็นแห่งแรกที่เปิดบริการธุรกรรมการค้าต่างประเทศเป็นสกุลเงินหยวน บริการเงินโอนระหว่างประเทศสกุลดอลลาร์สหรัฐไปยังธนาคารปลายทางในประเทศจีน โดยรับประกันการรับเงินภายในวันเดียว
นายธิติ กล่าวอีกว่า จากการที่เศรษฐกิจจีนมีการขยายตัวอย่างแข็งแกร่ง มีเงินทุนไหลเข้าและได้เปรียบดุลการค้าในระดับสูง และรัฐบาลจีนยังอนุญาตให้ผู้ประกอบการจีนส่วนหนึ่งเลือกใช้สกุลเงินหยวนในการซื้อ-ขายสินค้ากับคู่ค้าต่างประเทศได้ จึงคาดการณ์ว่าเงินหยวนอาจเป็นสกุลเงินที่มีบทบาทมากขึ้นในตลาดการเงินระหว่างประเทศ และมีโอกาสแข็งค่าขึ้น
แม้ทางการจีนจะเข้ามาดูแลค่าเงินหยวน แต่คาดว่าในระยะยาวจะต้องปล่อยให้เคลื่อนไหวตามกลไกตลาดมากขึ้น ซึ่งจะส่งผลให้ผู้ประกอบการไทยที่นำเข้าสินค้าจากประเทศจีน โดยเฉพาะในรายที่ผู้ขายในจีนให้ชำระค่าสินค้าเป็นสกุลเงินหยวน จะได้รับผลกระทบจากอัตราแลกเปลี่ยน เมื่อสกุลเงินหยวนแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับสกุลเงินบาท