สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน(บีโอไอ) เปิดเผยว่า การขอรับส่งเสริมการลงทุนโดยตรงจากต่างชาติ(เอฟดีไอ) ในเดือน ม.ค.53 มีแนวโน้มที่ดี โดยมีต่างชาติยื่นคำขอเข้ามาทั้งหมด 61 โครงการ เพิ่มขึ้น 32.6% จากเดือนเดียวกันของปีก่อนที่มี 46 โครงการ และมีมูลค่าการลงทุนทั้งสิ้น 4.83 หมื่นล้านบาท ขยายตัวเพิ่มขึ้น 381% จากเดือนเดียวกันของปีก่อนที่มีมูลค่าลงทุนเพียง 1 หมื่นล้านบาทเท่านั้น
ทั้งนี้ นักลงทุนญี่ปุ่นยังคงเป็นกลุ่มที่ยื่นคำขอรับส่งเสริมการลงทุนมากที่สุด โดยมีโครงการที่ยื่นขอมา 31 โครงการ คิดเป็นเงินลงทุน 4.4 หมื่นล้านบาท รองลงมา คือ สิงคโปร์ จำนวน 8 โครงการ มูลค่า 2,753 ล้านบาท, เดนมาร์ก 4 โครงการ มูลค่าเงินลงทุน 1,341 ล้านบาท ไต้หวัน 3 โครงการ มูลค่าเงินลงทุน 310 ล้านบาท และออสเตรีย 2 โครงการ มูลค่า 290 ล้านบาท
สำหรับการลงทุนของต่างชาติส่วนใหญ่เป็นกลุ่มกิจการขนาดกลางและขนาดย่อม ขณะที่การลงทุนโครงการขนาดใหญ่ที่มีมูลค่าเงินลงทุนตั้งแต่ 1,000 ล้านบาทขึ้นไปมีทั้งสิ้น 11 โครงการ โดยเป็นโครงการลงทุนกิจกาพลังงาน เช่น โรงไฟฟ้าจากก๊าชธรรมชาติรวม 7 โครงการ และอีก 4 โครงการอยู่ในประเภทกิจการผลิตชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ กิจการผลิตชิ้นส่วนโลหะ กิจการผลิตอัญมณี และกิจการผลิตเคมีภัณฑ์ เป็นต้น
ขณะที่ภาพรวมการยื่นขอรับการส่งเสริมการลงทุนในเดือน ม.ค.มีมูลค่า 5.64 หมื่นล้านบาท ลดลง 43% เมื่อเทียบกับเดือนเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากปีก่อนมีการลงทุนในโครงการขนาดใหญ่จำนวนมาก เช่น โรงไฟฟ้า ชิ้นส่วนยานยนต์ โลหะพื้นฐาน แต่หากเทียบเรื่องจำนวนโครงการแล้วในปี 53 มีจำนวนมากขึ้น