น.พ.วรรณรัตน์ ชาญนุกูล รมว.กระทรวงพลังงาน กล่าวว่า กระทรวงพลังงาน จะประกาศบังคับใช้น้ำมันไบโอดีเซล บี3 แทนไบโอดีเซล บี2 ซึ่งคาดว่า จะประกาศใช้ได้ภายในปลายเดือนกุมภาพันธ์นี้จากเดิมจะประกาศใช้ในเดือนมีนาคม 2553
สาเหตุที่กระทรวงพลังงาน จะบังคับใช้ บี3 แทนบี2 เนื่องจากได้มีการสำรวจปริมาณวัตถุดิบ คือ ไบโอดีเซล บี100 ว่าสามารถนำมาผลิต บี3 ได้อย่างเพียงพอ โดยการเปลี่ยนจาก บี2 เป็น บี3 ต้องใช้ บี100 จาก 600,000 ลิตร เป็น 900,000 ลิตรต่อวัน
ส่วนการบังคับใช้ ไบโอดีเซลบี5 ขณะนี้ ยังเป็นภาคสมัครใจ แต่จะเริ่มบังคับใช้ตามแผนในต้นปี 2554 ขณะที่การใช้น้ำมันดีเซล ในประเทศ ปัจจุบันอยู่ที่ 53 ล้านลิตรต่อวัน เป็นการใช้ บี2 ปริมาณ 30 ล้านลิตรต่อวัน และบี5 จำนวน 23 ล้านลิตรต่อวัน
ด้านนายคุรุจิต นาครทรรพ อธิบดีกรมเชื้อเพลิงธรรมชาติ กล่าวว่า แหล่งก๊าซธรรมชาติมูด้า และเจงก้า ในพื้นที่คาบเกี่ยวไทย-มาเลเซีย หรือ เจดีเอ แปลงที่ B17 ได้เริ่มจ่ายก๊าซธรรมชาติตามสัญญาเป็นครั้งแรกให้กับประเทศไทย เมื่อช่วงต้นเดือนกุมภาพันธ์นี้ ปริมาณ 135 ล้านลูกบาศก์ฟุตต่อวัน และภายใน 90 วันข้างหน้า จะต้องเพิ่มอัตราการผลิตเป็น 270 ล้านลูกบาศก์ฟุตต่อ วัน
ปัจจุบันแหล่งเจดีเอมีการจ่ายก๊าซฯ เข้าระบบของประเทศไทยแล้วใน บล็อก A18 ทำให้เมื่อรวมกับ B17 ประเทศไทยมีก๊าซฯ 2 แหล่งนี้เข้าระบบ ประมาณ 600 ล้านลูกบาศกุฟุตต่อวัน และจะเพิ่มเป็น ประมาณ 750 ล้านลูกบาศก์ฟุตต่อวัน เมื่อแหล่ง B17 ผลิตได้เต็มกำลังการผลิต
อย่างไรก็ตาม ในวันที่ 25 กุมภาพันธ์นี้ กระทรวงพลังงานจะมีการลงนามในสัญญาให้สัมปทานปิโตรเลียม ใน 7 แปลงสุดท้ายของสัมปทานปิโตรเลียมในรอบ 20 ซึ่งเป็นแปลงสัมปทานปิโตรเลียมในพื้นที่บนบก ในแถบภาคเหนือ และภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่าง ซึ่งคณะรัฐมนตรีได้อนุมัติให้เซ็นสัญญาสัมปทานเมื่อปลายปีที่แล้ว โดยใน 7 แปลงนี้ มีผู้ผลิตจาก 6 บริษัท