ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐเคลื่อนตัวผันผวนเมื่อคืนนี้ (18 ก.พ.) โดยดอลลาร์ทรงตัวเมื่อเทียบกับยูโร แต่อ่อนตัวลงเมื่อเทียบกับเงินเยนและฟรังค์สวิส เนื่องจากนักลงทุนวิตกกังวลเกี่ยวกับภาวะตึงตัวในตลาดแรงงานของสหรัฐ หลังจากธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) คาดการณ์ว่าอัตราว่างงานในสหรัฐจะยังอยู่ในระดับสูง และหลังจากทางการสหรัฐเปิดเผยว่าจำนวนชาวอเมริกันที่ขอรับสวัสดิการในระหว่างว่างงานปรับตัวเพิ่มขึ้นในรอบสัปดาห์ที่แล้ว
ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐขยับลง 0.06% เมื่อเทียบกับยูโรที่ระดับ 1.3613 ยูโร/ดอลลาร์ จากระดับของวันพุธที่ 1.3605 ยูโร/ดอลลาร์ และอ่อนตัวลง 0.13% เมื่อเทียบกับเงินเยนที่ระดับ 91.240 เยน/ดอลลาร์ จากระดับ 91.360 เยน/ดอลลาร์
นอกจากนี้ ดอลลาร์อ่อนตัวลง 0.08% เมื่อเทียบกับฟรังค์สวิสที่ 1.0773 ฟรังค์/ดอลลาร์ จากระดับของวันพุธที่ 1.0782 ฟรังค์/ดอลลาร์ แต่พุ่งขึ้น 0.29% เมื่อเทียบกับเงินปอนด์ที่ระดับ 1.5624 ปอนด์/ดอลลาร์ จากระดับ 1.5670 ปอนด์/ดอลลาร์
ส่วนค่าเงินดอลลาร์ออสเตรเลียพุ่งขึ้น 0.24% แตะที่ 0.9019 ดอลลาร์สหรัฐ/ดอลลาร์ออสเตรเลีย จากระดับ 0.8997 ดอลลาร์สหรัฐ/ดอลลาร์ออสเตรเลีย และค่าเงินดอลลาร์นิวซีแลนด์ดีดขึ้น 0.33% แตะที่ 0.7057 ดอลลาร์สหรัฐ/ดอลลาร์นิวซีแลนด์ จากระดับ 0.7034 ดอลลาร์สหรัฐ/ดอลลาร์นิวซีแลนด์
ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐเคลื่อนตัวผันผวนเนื่องจากนักลงทุนวิตกกังวลเกี่ยวกับภาวะตึงตัวในตลาดแรงงาน หลังจากกระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยว่า จำนวนชาวอเมริกันที่ขอรับสวัสดิการในระหว่างว่างงานเพิ่มขึ้น 31,000 คน เป็น 473,000 คนในสัปดาห์ที่แล้ว
นอกจากนี้ ดอลลาร์ถูกกดดันอย่างหนักหลังจากเฟดคาดการณ์ว่า อัตราว่างงานในสหรัฐจะยังคงอยู่ในระดับสูงในอีก 2 ปีข้างหน้า เนื่องจากภาวะเศรษฐกิจที่ซบเซาทำให้ภาคเอกชนของสหรัฐระมัดระวังเรื่องการจ้างงาน และการที่เศรษฐกิจและตลาดจ้างงานสหรัฐจะกลับคืนสู่ภาวะปกติได้นั้น ต้องใช้เวลาอีกระยะหนึ่ง โดยเฟดคาดว่าอัตราว่างงานในสหรัฐจะเคลื่อนไหวอยู่ในกรอบ 9.5-9.7% ในปีนี้
นอกจากนี้ เฟดคาดว่าความไม่แน่นอนในภาคครัวเรือนและภาคธุรกิจจะส่งผลกระทบต่อการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจของสหรัฐ นอกเสียจากว่าตลาดแรงงานจะฟื้นตัวขึ้นและภาวะตึงตัวในตลาดสินเชื่อจะบรรเทาลง ทั้งนี้ เฟดคาดการณ์ว่าเศรษฐกิจสหรัฐจะขยายตัวราว 2.8-3.5% ในปีนี้ และคาดว่าจะขยายตัวราว 3.4-4.5% ในปีหน้า ก่อนที่เศรษฐกิจจะกลับมาขยายตัวได้ตามปกติในปี 2555
ส่วนค่าเงินปอนด์ดิ่งลงอย่างหนัก หลังจากสำนักงานสถิติแห่งชาติอังกฤษเปิดเผยว่า อังกฤษมียอดขาดดุลงบประมาณ 4.3 พันล้านปอนด์ (6.7 พันล้านดอลลาร์) ในเดือนม.ค.ที่ผ่านมา ซึ่งสวนทางกับที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าจะมียอดเกินกุล 2.8 พันล้านปอนด์ เนื่องจากภาวะเศรษฐกิจถดถอยทำให้รายได้จากการจัดเก็บภาษีหดตัวลง 11.8% จากปีก่อน ขณะที่ค่าใช้จ่ายในส่วนของสวัสดิการสำหรับประชาชนที่ว่างงานทะยานขึ้น