นายเกลน สตีเฟ่น ผู้ว่าการธนาคารกลางออสเตรเลียกล่าวในที่ประชุมคณะกรรมการกำหนดนโยบายของธนาคารกลางที่เมืองแคนเบอร์ราในวันนี้ว่า อัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจของออสเตรเลียอาจถูกกระทบจากภาวะเงินเฟ้อมากกว่าแต่ก่อน ซึ่งคณะกรรมการกำหนดนโยบายด้านการเงินจำเป็นต้องระมัดระวังมากเป็นพิเศษ
สตีเฟ่นยังกล่าวด้วยว่า "หากเศรษฐกิจออสเตรเลียตกอยู่ในความเสี่ยงตามที่คาดการณ์ไว้ ธนาคารกลางออสเตรเลียก็จำเป็นต้องปรับนโยบายการเงินเพื่อให้มั่นใจว่าจะสามารถควบคุมตัวเลขเงินเฟ้อให้อยู่ในระดับเป้าหมายที่ 2-3% ได้ นอกจากนี้ เรามองว่าอัตราดอกเบี้ยในประเทศยังอยู่ในระดับต่ำกว่าปกติ ขณะที่อัตราเงินเฟ้ออยู่ที่ระดับน้อยกว่า 6% ซึ่งต่ำกว่าที่ธนาคารกลางประเมินไว้"
ทั้งนี้ การจ้างงานในออสเตรเลียเพิ่มขึ้นแข็งแกร่งสุดในรอบ 5 ปี โดยในระยะเวลา 5 เดือนจนถึงเดือนม.ค.2553 ภาคเอกชนเพิ่มการจ้างงาน194,600 ตำแหน่ง ส่งผลให้อัตราว่างงานลดลงสู่ระดับต่ำสุดในรอบ 11 ปีที่ระดับ 5.3% ซึ่งคิดเป็นเกือบครึ่งหนึ่งของอัตราว่างงานในสหภาพยุโรปและสหรัฐ
การแสดงความคิดเห็นของนายสตีเฟนมีขึ้นหลังจากธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ประกาศขึ้นอัตราดอกเบี้ยมาตรฐาน 0.25% เป็น 0.75% ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของการถอดถอนมาตรฐานกระตุ้นเศรษฐกิจ หลังจากเศรษฐกิจสหรัฐฟื้นตัวขึ้นจากภาวะถดถอยรุนแรงแล้ว นอกจากนี้ นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดการณ์ว่า การแสดงความคิดเห็นของสตีเฟ่นถือเป็นการส่งสัญญาณว่าธนาคารกลางออสเตรเลียจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.25% ในการประชุมวันที่ 2 มี.ค.นี้
รายงานการประชุมของธนาคารกลางออสเตรเลียที่มีการเปิดเผยเมื่อวันที่ 16 ก.พ.ที่ผ่านมา ธนาคารกลางอธิบายว่าการที่ตัดสินใจคงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับ 3.75% ในการประชุมครั้งล่าสุด ก็เพื่อสร้างสมดุลด้านนโยบายการเงิน ขณะที่ปัจจัยจากต่างประเทศก็มีอิทธิพลต่อการตัดสินใจเรื่องดอกเบี้ยด้วยเช่นกัน