ซีแอลเอสเอ เอเชีย-แปซิฟิก มาร์เก็ตส์ เปิดเผยว่า จีนยังคงเผชิญกับภาวะฟองสบู่ด้านสินทรัพย์ แม้ธนาคารกลางจีนมีคำสั่งให้ธนาคารพาณิชย์เพิ่มสัดส่วนการกันสำรอง 0.5% เมื่อวันที่ 12 ก.พ.ที่ผ่านมาก็ตาม โดยการดำเนินการดังกล่าวมีเป้าหมายที่จะชะลอการขยายตัวอย่างร้อนแรงของเศรษฐกิจ หลังจากที่ยอดการปล่อยกู้และราคาอสังหาริมทรัพย์พุ่งสูงขึ้น
นายคริสโตเฟอร์ วู้ด นักวิเคราะห์ของซีแอลเอสเอซระบุในรายงาน “Greed & Fear" ว่า นักลงทุนจับตาสถานการณ์ฟองสบู่ด้านสินทรัพย์ในจีน โดยเฉพาะหากสกุลเงินหยวนแข็งค่าขึ้นก็จะยิ่งทำให้แรงกดดันของภาวะฟองสบู่รุนแรงขึ้นด้วย อย่างไรก็ตาม นักลงทุนมองว่าการใช้นโยบายคุมเข้มด้านการเงินของธนาคารกลางจีน จะช่วยยั้งเศรษฐกิจจีนไม่ให้ขยายตัวรุนแรงเกินไปและจะช่วยควบคุมภาวะฟองสบู่ด้านสินทรัพย์ได้
ดัชนีเซี่ยงไฮ้คอมโพสิตตลาดหุ้นจีนดิ่งลง 7.9% ในปีนี้ หลังจากธนาคารกลางใช้นโยบายสกัดกันภาวะฟองสบู่และควบคุมเงินเฟ้อ ภายหลังจากธนาคารพาณิชย์จีนปล่อยเงินกู้ใหม่ในเดือนม.ค.สูงถึง 1.39 ล้านล้านหยวน (2.035 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ) ส่วนยอดการปล่อยเงินกู้ตลอดทั้งปี 2552 อยู่ที่ระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 9.59 ล้านล้านหยวน ซึ่งสูงกว่าปี 2551 ถึง 2 เท่า
เครดิต สวิส กรุ๊ป คาดการณ์ว่า ธนาคารกลางจีนจะเพิ่มสัดส่วนการกันสำรองสภาพคล่องของธนาคารพาณิชย์อีกในเร็วๆนี้ และคาดว่าธนาคารกลางจะตัดสินใจขึ้นอัตราดอกเบี้ยภายในปี 2553 เนื่องจากประกาศเพิ่มสัดส่วนการกันสำรองสภาพคล่องเมื่อวันที่ 12 ก.พ.ที่ผ่านมานั้น สามารถลดผลกระทบต่อภาวะเงินเฟ้อที่มีต่อระบบเศรษฐกิจแค่ในกรอบที่จำกัดเท่านั้น