ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐแข็งแกร่งขึ้นเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักๆ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (19 ก.พ.) หลังจากธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ตัดสินใจปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยมาตรฐาน 0.25% เพราะเชื่อมั่นว่าระบบการเงินและเศรษฐกิจภายในประเทศเริ่มฟื้นตัวแล้ว ขณะที่เงินปอนด์ร่วงลงอย่างหนักหลังจากอังกฤษเปิดเผยยอดขาดดุลงบประมาณที่ปรับตัวเพิ่มขึ้น
ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐพุ่งขึ้น 0.15% เมื่อเทียบกับยูโรที่ระดับ 1.3594 ยูโร/ดอลลาร์ จากระดับของวันพฤหัสบดีที่ 1.3614 ยูโร/ดอลลาร์ และดีดขึ้น 0.44% เมื่อเทียบกับเงินเยนที่ 91.620 เยน/ดอลลาร์ จากระดับ 91.220 เยน/ดอลลาร์
นอกจากนี้ ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐพุ่งขึ้น 1.10% เมื่อเทียบกับเงินปอนด์ที่ 1.5454 ปอนด์/ดอลลาร์ จากระดับของวันพฤหัสบดีที่ 1.5626 ปอนด์/ดอลลาร์ แต่ทรงตัวเมื่อเทียบกับฟรังค์สวิสที่ 1.0765 ฟรังค์/ดอลลาร์
ส่วนค่าเงินดอลลาร์ออสเตรเลียรูดลง 0.40% แตะที่ 0.8982 ดอลลาร์สหรัฐ/ดอลลาร์ออสเตรเลีย จากระดับของวันพฤหัสบดีที่ 0.9018 ดอลลาร์สหรัฐ/ดอลลาร์ออสเตรเลีย และค่าเงินดอลลาร์นิวซีแลนด์ร่วงลง 1.06% แตะที่ 0.6983 ดอลลาร์สหรัฐ/ดอลลาร์ออสเตรเลีย จากระดับ 0.7058 ดอลลาร์สหรัฐ/ดอลลาร์ออสเตรเลีย
ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐทะยานขึ้นหลังจากเฟดประกาศขึ้นอัตราดอกเบี้ยมาตรฐาน 0.25% เป็น 0.75% ซึ่งอัตราดอกเบี้ยมาตรฐานคืออัตราดอกเบี้ยเงินกู้ที่เฟดเรียกเก็บจากธนาคารพาณิชย์ซึ่งกู้ยืมโดยตรงจากเฟด
ขณะที่เงินปอนด์ดิ่งลงอย่างต่อเนื่องนับตั้งแต่ทางการอังกฤษเปิดเผยยอดขาดดุลงบประมาณ 4.3 พันล้านปอนด์ (6.7 พันล้านดอลลาร์) ในเดือนม.ค. สวนทางกับที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะมียอดเกินกุล 2.8 พันล้านปอนด์ เนื่องจากภาวะเศรษฐกิจถดถอยทำให้รายได้จากการจัดเก็บภาษีหดตัวลง 11.8% จากปีก่อน ขณะที่ค่าใช้จ่ายในส่วนของสวัสดิการสำหรับประชาชนที่ว่างงานปรับตัวเพิ่มขึ้น