จีนเดินหน้าคุมเข้มกฎระเบียบด้านสินเชื่อ ออกข้อกำหนด 2 ข้อมุ่งเน้นสกัดความเสี่ยง

ข่าวต่างประเทศ Sunday February 21, 2010 12:50 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

หน่วยงานกำกับดูแลการธนาคารของจีนได้ออกกฎระเบียบ 2 ข้อ โดยมีเป้าหมายเพื่อคุมเข้มการปล่อยสินเชื่อของธนาคารและควบคุมการบริหารจัดการความเสี่ยงให้มีความเข้มงวดและรัดกุมมากยิ่งขึ้น

คณะกรรมการกำกับดูแลการธนาคารจีน (CBRC) ระบุในแถลงการณ์ผ่านเว็บไซต์ว่า ธนาคารต่างๆต้องกำหนดเพดานเงินกู้ หลังจากคำนวณความต้องการที่แท้จริงของผู้กู้อย่างรอบคอบและระมัดระวัง และห้ามปล่อยกู้มากเกินไป นอกจากนี้ CRBC ยังได้ขอให้ธนาคารปรับปรุงวิธีการควบคุมความเสี่ยงหลังจากการอนุมัติสินเชื่อ และระวังปัจจัยที่อาจส่งผลต่อความสามารถในการชำระเงินคืนของผู้กู้ ผ่านทางการติดตามและตรวจสอบ

สำหรับสินเชื่อบุคคลนั้น CBRC ได้ขอให้ธนาคารเพิ่มความซับซ้อนในการบริหารจัดการขั้นตอนการกู้ยืม โดยเฉพาะวัตถุประสงค์ของการใช้เงินกู้ของผู้กู้ โดยห้ามปล่อยสินเชื่อให้กับผู้กู้ ถ้าผู้กู้ไม่แจ้งจุดประสงค์การใช้ที่ชัดเจน และผู้กู้จะต้องพบกับตัวแทนของธนาคารเป็นการส่วนตัวเพื่อป้องกันการกล่าวเท็จหรือหลอกลวง

ข้อกำหนดใหม่เหล่านี้ ซึ่งเริ่มมีผลบังคับใช้ตั้งแต่เมื่อวันที่ 12 ก.พ.ที่ผ่านมา มีเป้าหมายเพื่อการบริหารจัดการความเสี่ยงด้านสินเชื่ออย่างเป็นระบบ และหลีกเลี่ยงการจัดสรรเงินกู้นอกเหนือไปจากที่กำหนดไว้

สำนักข่าวซินหัวรายงายว่า เมื่อเดือนที่แล้ว หน่วยงานกำกับดูแลการธนาคารของจีนได้ขอให้ธนาคารต่างๆรักษาระดับการขยายตัวของสินเชื่อในปี 2553 ให้เหมาะสม และประกาศว่าจะเพิ่มการดูแลตรวจสอบสินเชื่ออสังหาริมทรัพย์ท่ามกลางความวิตกกังวลที่เพิ่มมากขึ้นเกี่ยวกับภาวะฟองสบู่ในสินทรัพย์

หลิว หมิงกัง ประธาน CBRC กล่าวเมื่อวันที่ 27 ม.ค.ว่า รัฐบาลจีนกำลังมีเป้าหมายที่จะควบคุมปริมาณสินเชื่อให้อยู่ที่ระดับ 7.5 ล้านล้านหยวน (ราว 1.1 ล้านล้านดอลลาร์) ในปีนี้ นอกจากนี้ ธนาคารกลางจีนยังได้ประกาศเพิ่มสัดส่วนสำรองเงินฝาก (RRR) ของธนาคารพาณิชย์ถึงสองครั้งแล้วในปีนี้ หลังจากที่คงไว้นานกว่าหนึ่งปี เพื่อรับมือกับสภาพคล่องที่มากเกินไป

ทั้งนี้ ธนาคารกลางจีนเปิดเผยว่า ยอดการปล่อยเงินกู้ในสกุลเงินหยวนของธนาคารพาณิชย์จีนตลอดทั้งปี 2552 อยู่ที่ระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 9.59 ล้านล้านหยวน ซึ่งสูงกว่าปี 2551 ถึง 2 เท่า ส่วนยอดการปล่อยเงินกู้ประจำเดือนม.ค.ปี 2553 อยู่ที่ระดับ 1.39 ล้านล้านหยวน (2.035 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ) ซึ่งลดลง 14.2% จากปีก่อน


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ