นางธาริษา วัฒนเกส ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย ธปท. เปิดเผยว่า ขณะนี้เศรษฐกิจไทยมีสัญญาณการฟื้นตัวอย่างต่อเนื่อง ทั้งการส่งออก การนำเข้า แสดงถึงกิจกรรมทางธุรกิจที่มีมากขึ้น ทั้งคำสั่งซื้อสินค้า สตอกสินค้า รวมทั้งการลงทุน ซึ่งสะท้อนว่าภาคเอกชนมีความมั่นใจต่อเศรษฐกิจมากขึ้น ทำให้มีการเตรียมการเพื่อผลิตและจำหน่าย
และสอดคล้องกับการปล่อยสินเชื่อของธนาคารพาณิชย์ที่ปรับตัวดีขึ้นตามการขยายตัวของภาวะเศรษฐกิจและความต้องการสินเชื่อของภาคธุรกิจ โดยที่ความกังวลเกี่ยวกับการเกิดปัญหาหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (เอ็นพีแอล) ลดลง ขณะที่การไหลเข้าของเงินทุนโดยตรง พบว่ามีมากขึ้น และหากเศรษฐกิจโลกและเศรษฐกิจไทย ปรับตัวดีขึ้นต่อเนื่อง คาดว่าเงินทุนเคลื่อนย้ายจะเข้าประเทศไทยต่อเนื่อง
อย่างไรก็ตาม ยอมรับว่าปัญหาการเมืองที่ยืดเยื้อและการชุมนุมที่เกิดขึ้น เป็นแรงกดดันการฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทย ทำให้ภาคเอกชนยังชะลอการลงทุน ทำให้การลงทุนขณะนี้แม้มีสัญญาณที่ดีขึ้น แต่ยังไม่ฟื้นตัวเข้าสู่ภาวะปกติ ดังนั้น หากสถานการณ์การเมืองกลับเข้าสู่ภาวะ คนไทยมีความสามัคคี เชื่อว่าการลงทุนของภาคเอกชนน่าจะฟื้นตัวได้ดีและเร็วกว่านี้
ส่วนปัญหามาบตาพุด ยอมรับว่า เป็นอีกปัจจัยหนึ่งที่ยังกดดันการลงทุนของประเทศ ซึ่งภาคเอกชนต้องการให้หลักเกณฑ์ต่าง ๆ มีความชัดเจนโดยเร็ว เพือให้การลงทุนจะค่อย ๆ ฟื้นตัวดีขึ้น
สำหรับการชุมนุมทางการเมืองที่เกิดขึ้น ก่อนการคำตัดสินคดียึดทรัพย์ เป็นเหตุการณ์ที่ทุกคนติดตามอย่างใกล้ชิดอยู่แล้ว เพราะต้องการให้สถานการณ์สงบ ให้เศรษฐกิจไทยเดินหน้าต่อไปได้ ส่วนการดูแลความปลอดภัยของสถาบันการเงิน เชื่อว่าธนาคารพาณิชย์ทุกแห่งมีมาตรการในการดูแลความปลอดภัยของลูกค้า และดูแลปัญหาสภาพคล่องอยู่แล้ว
ผู้ว่าการ ธปท. ยังกล่าวด้วยว่า รัฐบาลไม่ได้มีคำสั่งให้ ธปท. มีการตรวจสอบเรื่องการไหลเข้า-ออกเงินของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี และเงินที่ไหลเข้าประเทศ ก็ผ่านระบบของธนาคารพาณิชย์โดยรวม