นายอำพน กิตติอำพน เลขาธิการคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ(สภาพัฒน์) กล่าวว่า ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ(จีดีพี) ในช่วงไตรมาสที่ 4 ปี 2552 มีอัตราการขยายตัวอยู่ที่ 5.8% สูงกว่า 2.7-3.2% ตามที่ได้คาดการณ์ไว้ เนื่องจากการขยายตัวด้านการส่งออก และมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ ทั้งนี้ส่งผลให้ทั้งปี 52 จีดีพีขยายตัวติดลบ 2.3% จากเดิมที่คาดว่าจะขยายตัวติดลบ 3%
"จีดีพีไตรมาส 4/52 ขยายตัว 5.8% ถือเป็นการขยายตัวครั้งแรกจากที่หดตัวตั้งแต่ไตรมาสแรกถึงไตรมาสที่ 3/52 และถือเป็นการฟื้นตัวเร็วกว่าคาด ทำให้ทั้งปีจีดีพีหดตัวเพียง 2.3% ดีกว่าเดิมที่เคยคาดการณ์ไว้ว่าจะหดตัวถึง 3%" นายอำพน กล่าว
สำหรับปัจจัยสำคัญที่ส่งผลให้เศรษฐกิจในไตรมาสที่ 4/52 ขยายตัวเพิ่มขึ้นมาจากการส่งออกมีการฟื้นตัวอย่างชัดเจน เนื่องจากภาวะเศรษฐกิจโลกมีแนวโน้มขยายตัวดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยการส่งออกมีอัตราการขยายตัว 4.1% จากเดิมหดตัว 14.8% ในไตรมาสที่ 3/52 ซึ่งสินค้าหลักที่มีการส่งออกเพิ่มขึ้น ได้แก่ รถยนต์ เครื่องคอมพิวเตอร์ แผงวงจรไฟฟ้า
นอกจากนี้ การลงทุนภาคอุตสาหกรรมยังขยายตัวเพิ่มขึ้น 9.9% โดยเฉพาะอุตสาหกรรมในสาขาที่เชื่อมโยงกับการส่งออก เช่น อุตสาหกรรมอิเลคทรอนิกส์ อุตสาหกรรมอาหาร และอุตสาหกรรมยานยนต์ ซึ่งส่งผลให้การใช้กำลังการผลิตภาคอุตสาหกรรมขยายตัวเพิ่มไปอยู่ที่ระดับ 67.2%
ขณะที่ราคาพืชผลทางการเกษตรมีการปรับตัวสูงขึ้นส่งผลให้การใช้จ่ายโดยรวมปรับตัวเป็นบวกครั้งแรกในรอบปี ได้แก่ ยางพารา มันสำปะหลัง ปาล์มน้ำมัน ทำให้เกษตรกรมีรายได้เพิ่มขึ้น
การฟื้นตัวด้านการท่องเที่ยว โดยเฉพาะในเดือน ธ.ค.52 มีจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติ 1.63 ล้านคน ขยายตัวเพิ่มขึ้น 40.8% จากเดือนเดียวกันของปีก่อน ส่งผลให้ช่วงไตรมาสที่ 4/52 มีจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติทั้งสิ้น 4.2 ล้านคน หรือขยายตัวเพิ่มขึ้น 26.2% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน และส่งผลให้ทั้งปี 52 มีจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติ 14.1 ล้านคน สูงกว่าเป้าหมายที่ตั้งไว้ที่ 14 ล้านคน
และการก่อสร้างขยายตัวเพิ่มขึ้น 5.1% ซึ่งเป็นการก่อสร้างภาคเอกชนที่มีความเชื่อมั่นต่อเศรษฐกิจ