นายกรณ์ จาติกวณิช รมว.คลัง ระบุว่า การที่สภาพัฒน์ฯ ประกาศอัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจไทย(จีดีพี)ปี 52 หดตัว 2.3% ถือว่าดีขึ้นกว่าที่คาดการณ์ไว้เดิมว่าจะหดตัวถึง 3% ซึ่งการที่เศรษฐกิจดีขึ้นมาจากการส่งออกที่เพิ่มขึ้น รายได้ภาคเกษตรที่เพิ่มขึ้น และช่วงไตรมาส 4/52 การใช้จ่ายของประชาชนมีมากขึ้น
พร้อมมองว่าในปี 53 เศรษฐกิจไทยเริ่มเข้มแข็งมากขึ้น แต่ยังมีหลายปัจจัยสำคัญที่ต้องติดตาม โดยไตรมาส 1/53 จีดีพีน่าจะเติบโตไม่เท่าไตรมาส 4/52 เนื่องจากรัฐบาลไม่มีการออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจระยะสั้นเหมือนในปี 52 ขณะเดียวกันมองว่าในปีนี้ภาคการเงินอาจได้รับผลกระทบในเรื่องความเชื่อมั่น ขณะที่การลงทุนยังมีความจำเป็นต่อการขับเคลื่อนเศรษฐกิจในปี 53 ซึ่งหากมีเหตุการณ์กระทบความเชื่อมั่นอาจจะเป็นปัจจัยให้เศรษฐกิจชะลอตัวได้
สำหรับการขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยในปี 53 จะมาจากการเบิกจ่ายงบประมาณของภาครัฐ และโครงการลงทุนภายในแผนปฏิบัติการไทยเข้มแข็ง 2555 แต่ในปีงบประมาณ 53 มีงบประมาณที่น้อยกว่าปี 52 ประกอบกับไม่มีนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจระยะสั้นแล้ว ทำให้ต้องพึ่งพาภาคเอกชนมากขึ้น ซึ่งในปีนี้ภาคเอกชนเริ่มมีความเข้มแข็งมากขึ้นแล้ว
"งบประมาณปี 53 มีน้อยกว่าปี 52 โดยเฉพาะปี 52 ที่มีนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจระยะสั้น แต่ปีนี้ไม่มี ทำให้ต้องพึ่งเอกชนจากปีที่แล้วที่เอกชนอ่อนแอ แต่ปีนี้เอกชนเริ่มเข้มแข็งขึ้น" รมว.คลัง ระบุ