นายดุสิต นนทะนาคร ประธานกรรมการหอการค้าไทย แสดงความเห็นสอดคล้องกับที่สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ(สศช.) ออกมาประเมินว่าอัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจของไทย(จีดีพี) ปีนี้จะเติบโตได้ราว 3.5-4.5% ซึ่งถือว่าสอดคล้องกับที่เอกชนเคยคาดการณ์ไว้ว่าเศรษฐกิจไทยปีนี้จะดีขึ้นจากปีก่อนแน่นอนจากผลของภาคการส่งออกที่เติบโตได้ดี ดังจะเห็นได้จากการส่งออกในเดือนม.ค.53 ที่ขยายตัวถึง 30.8%
แต่ทั้งนี้ยังมองว่าภาวะเศรษฐกิจไทยยังมีความเปราะบาง เช่น จากปัญหาความขัดแย้งทางการเมืองในประเทศที่อาจกระทบความเชื่อมั่นของนักลงทุน ส่วนปัญหาการลงทุนในนิคมอุตสาหกรรมมาบตาพุดนั้น ภาคเอกชนเตรียมเดินทางไปโรดโชว์ร่วมกับกระทรวงการคลังเพื่อทำความเข้าใจแก่นักลงทุนญี่ปุ่น ซึ่งแนวทางดังกล่าวน่าจะทำให้นักลงทุนคลายความกังวลลงได้
ด้านนายประสาร ไตรรัตน์วรกุล กรรมการผู้จัดการ ธนาคารกสิกรไทย(KBANK) กล่าวว่า ธนาคารฯ ได้ประมาณการจีดีพีปีนี้ไว้ใกล้เคียงกับที่ สศช.ประเมินไว้ แต่ยังต้องระมัดระวังการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลก เพราะยังมีปัจจัยเสี่ยงอยู่ โดยเฉพาะประเทศในยุโรปที่มีปัญหาทางการเงินและความกังวลของค่าเงินดอลลาร์สหรัฐที่มีความผันผวน ตลอดจราคาน้ำมันในตลาดโลกที่จะปรับตัวสูงขึ้น
ขณะที่ปัญหาภายในประเทศยังมีปัจจัยเสี่ยงด้านการเมือง, การลงทุนในมาบตาพุด, ความชัดเจนการขอใบอนุญาต 3G ที่มีน้ำหนักต่อการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ ดังนั้นอยากให้ทุกฝ่ายเคารพการตัดสินของศาล
นายประสาร เชื่อว่า ธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.) คงยังไม่ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายจนกว่าจะมีความชัดเจนว่าเศรษฐกิจไทยจะฟื้นตัว ซึ่งต้องใช้เวลาพิจารณาและประเมินเศรษฐกิจประมาณ 2 ไตรมาส หลังจากนั้นมองว่าอัตราดอกเบี้ยนโยบายจะกลับเข้าสู่ภาวะปกติ แต่การขึ้นอัตราดอกเบี้ยจะเป็นแบบค่อยเป็นค่อยไป แม้ว่าอัตราเงินเฟ้อจะปรับสูงขึ้น