นายนิพนธ์ ดิลกคุณานันท์ รองเลขาธิการสำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร (สศก.) กล่าวว่า การส่งเสริมการปลูกปาล์มน้ำมันในพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบนในระยะต่อไป ควรสนับสนุนให้มีแหล่งรวบรวมผลผลิตหรือมีโรงงานสกัดน้ำมันปาล์มในพื้นที่เพื่อรองรับผลผลิตของเกษตรกรที่คาดว่าจะทยอยออกมากในช่วง 1 — 2 ปีข้างหน้า และส่งเสริมการรวมกลุ่มหรือจัดตั้งกลุ่มเกษตรกรผู้ผลิตปาล์มน้ำมันเพื่อให้เกิดเครือข่ายในการช่วยเหลือด้านการตลาด และการประสานงานกับหน่วยงานต่าง ๆ เพื่อป้องกันและแก้ไขปัญหาที่จะเกิดขึ้นได้ต่อไป
ทั้งนี้ ศูนย์ประเมินผล สำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร ได้ลงพื้นที่ติดตามโครงการเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตปาล์มน้ำมันใน 23 จังหวัดทั่วประเทศ ซึ่งเป็นโครงการที่ดำเนินการโดยกรมส่งเสริมการเกษตร มาตั้งแต่ปี 2551 โดยจังหวัดหนองคายเป็นจังหวัดเดียวในภาคตะวันออกเฉียงเหนือที่ได้รับงบประมาณให้ดำเนินการโครงการดังกล่าว ปัจจุบันมีพื้นที่ปลูกกว่า 10,000 ไร่ ปาล์มมีอายุเฉลี่ยเข้าสู่ปีที่ 4 และเริ่มทยอยให้ผลผลิตแล้ว
อย่างไรก็ตาม เกษตรกรรายใหม่ที่เริ่มปลูกปาล์มน้ำมันกว่าร้อยละ 30 ยังไม่มีความมั่นใจว่าเมื่ออายุปาล์มน้ำมันถึงเวลาให้ผลผลิตแล้วจะมีตลาดรองรับหรือไม่ ประกอบกับในบางพื้นที่ที่เริ่มปลูกปาล์มน้ำมันอายุได้ 1 — 2 ปี ได้ประสบปัญหาน้ำท่วมขังเป็นเวลานานจนได้รับความเสียหาย จึงมีเกษตรกรบางส่วนตัดสินใจที่จะเลิกปลูกปาล์มน้ำมัน ซึ่งเกษตรกรเกือบร้อยละ 90 ยังไม่คิดที่จะขยายพื้นที่ปลูกเพิ่มเติมเนื่องจากจะรอดูทิศทางตลาดในอนาคต
เนื่องจากปาล์มน้ำมันถือเป็นพืชที่มีความอ่อนไหวมาก เพราะเมื่อเก็บเกี่ยวผลผลิตแล้วต้องรีบนำเข้าสู่โรงงานภายใน 24 ชั่วโมง ขณะที่แหล่งรวบรวมผลผลิตในพื้นที่ยังมีจำนวนน้อย รวมถึงโรงงานสกัดน้ำมันปาล์มยังไม่มีรองรับผลผลิตอย่างเป็นรูปธรรม เกษตรกรส่วนหนึ่งที่มีผลผลิตมากและสามารถขนส่งไปยังโรงงานได้ ก็จะทำการรวบรวมผลผลิตไปส่งโรงงานที่จังหวัดชลบุรี
ส่วนเกษตรกรที่มีผลผลิตน้อยไม่สามารถขนส่งไปยังโรงงานไกลได้ ก็จะจำหน่ายผลผลิตให้กับแหล่งรวบรวมที่อยู่ใกล้กับพื้นที่ปลูกในราคาต่ำ ซึ่งจากการติดตามและประเมินผลพบว่า การที่เจ้าหน้าที่ของรัฐได้เข้าไปอบรมให้ความรู้แก่เกษตรกรโดยตรงตามโครงการเพิ่มประสิทธิภาพฯ ทำให้เกษตรกรมีความรู้ความเข้าใจถึงวิธีการปลูกสร้างสวนปาล์มและการดูแลรักษาในแต่ละขั้นตอน