ฝ่ายวิจัย บล.เคจีไอ ประเมินอัตราเงินเฟ้อทั่วไปของเดือนก.พ.53 ว่าจะอยู่ที่ 3.2% ซึ่งต่ำกว่าระดับ 4.1% ในเดือนม.ค.53 เนื่องจากผลกระทบของฐานต่ำไม่แรงเท่ากับเดือนก่อน แต่ภาพรวมของราคาน้ำมันในประเทศถือว่าใกล้เคียงกัน ทั้งนี้ได้คงมุมมองว่าเงินเฟ้อทั่วไปได้ขึ้นสูงสุดไปแล้วตั้งแต่เดือน ม.ค. และจะทรงตัวในช่วงที่เหลือของปีเฉลี่ยที่ 3%
อย่างไรก็ดี แนวโน้มอัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจ(GDP) ที่เติบโตแข็งแกร่งกว่าที่คาด รวมทั้งเงินเฟ้อพื้นฐาน(Core CPI) ที่ไม่รวมราคาอาหารสดและพลังงานน่าจะค่อยปรับเพิ่มขึ้น โดยคาดว่า ธปท.จะปรับขึ้นดอกเบี้ยนโยบาย 0.5% ในปีนี้ และน่าจะเริ่มปรับขึ้นในเดือน เม.ย.53
ขณะที่ศูนย์วิจัยเศรษฐกิจและธุรกิจ ธนาคารไทยพาณิชย์(SCB EIC) ระบุว่า การที่คณะรัฐมนตรีมีมติไม่ต่ออายุมาตรการน้ำประปาฟรี แต่ให้ต่ออายุมาตรการลดค่าครองชีพในส่วนของค่าไฟฟ้าฟรี, รถเมล์ฟรี และรถไฟชั้น 3 ฟรีออกไปอีก 3 เดือนนั้น เป็นไปตามสมมติฐานที่ได้คาดการณ์ไว้ก่อนหน้าในการประเมินแนวโน้มอัตราเงินเฟ้อปีนี้ที่คาดว่าจะเฉลี่ยราว 3-4% ในไตรมาสแรก ก่อนจะชะลอลงในช่วงที่เหลือของปี
ทั้งนี้ การยกเลิกมาตรการน้ำประปาฟรีจะมีผลต่ออัตราเงินเฟ้อทั่วไป(CPI) เพียง 0.2% เท่านั้น แม้ว่าผลจากการยกเลิกมาตรการดังกล่าวจะทำให้ดัชนีราคาในส่วนของน้ำประปาเพิ่มขึ้นเกือบ 20% ในเดือนเม.ย. แต่ดัชนีราคาน้ำประปามีน้ำหนักเพียง 1% ในตัวเลขเงินเฟ้อทั่วไปเท่านั้น จึงมีผลต่อตัวเลขเงินเฟ้อทั่วไปแค่ 0.2% โดยจะเริ่มมีผลตั้งแต่เดือนเม.ย.53 เป็นต้นไป
SCB EIC ยังประเมินว่าอัตราเงินเฟ้อปีนี้น่าจะต่ำกว่าที่ธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.) คาดการณ์ไว้ในรายงานแนวโน้มเงินเฟ้อของ ธปท.ล่าสุด ที่มองว่าเงินเฟ้อน่าจะเร่งตัวขึ้นแตะระดับสูงสุดราว 4.5% ในไตรมาส 3 โดยมีสมมติฐานว่ารัฐบาลยกเลิกมาตรการลดค่าครองชีพทั้งหมดในเดือนมี.ค. ดังนั้นการต่ออายุมาตรการบางส่วนออกไปจึงทำให้แนวโน้มเงินเฟ้อน่าจะต่ำกว่าที่ ธปท.คาด
พร้อมกันนี้ ยังคงมุมมองว่า ธปท. ไม่น่าจะขึ้นดอกเบี้ยนโยบายในครึ่งแรกของปี ซึ่งการต่ออายุมาตรการลดค่าครองชีพดังกล่าวได้สนับสนุนมุมมองของ SCB EIC ว่าอัตราเงินเฟ้อทั่วไปน่าจะชะลอลงหลังจากไตรมาสแรก ประกอบกับการขยายตัวทางเศรษฐกิจก็มีแนวโน้มจะชะลอลงหลังจากไตรมาสแรกเช่นกัน จึงไม่น่าเป็นปัจจัยสนับสนุนให้ ธปท.ต้องรีบขึ้นดอกเบี้ยแต่อย่างใด