ยูเอ็นชี้เศรษฐกิจในเอเชียตะวันออกอาจเผชิญวิกฤต หากสิ่งแวดล้อมทางทะเลถูกทำลาย

ข่าวต่างประเทศ Wednesday February 24, 2010 17:33 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

โครงการสิ่งแวดล้อมแห่งสหประชาชาติ (UNEP) ชี้เศรษฐกิจในภูมิภาคเอเชียตะวันออกอาจได้รับความเสียหายอย่างรุนแรง หากทรัพยากรทางทะเลถูกทำลาย

รายงานล่าสุดจาก UNEP ระบุว่า บรรดาสิ่งมีชีวิตที่อาศัยตามแนวชายฝั่ง รวมถึงระบบนิเวศวิทยาของกลุ่มประเทศเอเชียตะวันออกกำลังเผชิญกับภัยคุกคามจากปัญหามลภาวะ การรุกรานของสัตว์ต่างสายพันธุ์ และปัจจัยแวดล้อมอื่นๆ

ผู้อำนวยการบริหารของ UNEP กล่าวว่า เกือบ 75% ของประชากรในภูมิภาคนี้ต้องพึ่งพาพื้นที่ชายฝั่งทั้งทางตรงและทางอ้อม ขณะที่ 80% ของผลผลิตมวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) นั้นมีความเชื่อมโยงกับแหล่งธรรมชาติตามแนวชายฝั่ง ดังนั้น การทำลายระบบนิเวศน์วิทยาและสภาพแวดล้อมตามแนวชายฝั่งจะส่งผลกระทบต่อชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชนอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้

ทั้งนี้ รายงานสภาพแวดล้อมทางทะเลแถบพื้นที่ชายฝั่งของเอเชียตะวันออกที่จัดทำโดย UNEP ระบุว่า เกือบ 40% ของแนวปะการังใต้ทะเล และครึ่งหนึ่งของป่าชายเลนถูกทำลายลง ซึ่งแหล่งทรัพยากรธรรมชาติทั้งสองประเภทนี้สร้างรายได้ต่อปีได้ราว 1.125 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ และ 5.1 พันล้านดอลลาร์สหรัฐตามลำดับ

นอกจากนี้ ทะเลในแถบเอเชียตะวันออกบางแห่งยังเป็นศูนย์กลางด้านการขนส่ง และเป็นท่าเทียบเรือประมงที่มีการซื้อขายกันอย่างคึกคักมากที่สุดของโลก ด้วยสัดส่วนผลผลิตด้านอุตสาหกรรมการประมงที่ 50% ของผลผลิตทั่วโลก และมีผลผลิตจากการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำสูงถึง 80% ของการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำทั่วโลก

อย่างไรก็ดี ยูเอ็นระบุว่า น่านน้ำทางทะเลของเอเชียตะวันออกมีสัดส่วนคิดเป็น 30% ของน่านน้ำสากล ซึ่งทางยูเอ็นได้เรียกร้องให้รัฐบาลในเอเชียตะวันออก ซึ่งประกอบด้วยกัมพูชา อินโดนีเซีย มาเลเซีย ฟิลิปปินส์ สิงคโปร์ ประเทศไทย และเวียดนาม ร่วมมือกันรักษาสภาพแวดล้อมทางทะเลให้มีความอุดมสมบูรณ์


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ