นายอลงกรณ์ พลบุตร รมช.พาณิชย์ เปิดเผยว่า ในวันที่ 27-28 ก.พ.นี้ จะเป็นหัวหน้าคณะของประเทศไทยเข้าร่วมการประชุมรัฐมนตรีเศรษฐกิจอาเซียนอย่างไม่เป็นทางการ ที่ประเทศมาเลเซีย โดยประเด็นที่จะยกขึ้นหารือ คือ การเจรจาความตกลงด้านการลงทุนอาเซียน(ACIA) ที่หลายประเทศสมาชิกเสนอบัญชีสงวนในการเปิดเสรีรวมแล้วกว่า 130 สาขา ส่วนใหญ่เป็นการลงทุนในภาคการเกษตร เพราะเป็นภาคที่อ่อนไหวสำหรับประเทศอาเซียนและยังไม่มีความพร้อมให้ประเทศอื่นเข้ามาลงทุน
สำหรับไทยเองได้เสนอบัญชีสงวนเพิ่มเติมไปยังสมาชิกอาเซียนแล้ว ได้แก่ การเปิดเสรีการลงทุนในกิจการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำ, การทำป่าไม้จากป่าปลูก และการเพาะหรือปรับปรุงพันธุ์พืช จากเดิมที่ไทยกำหนดให้ทั้ง 3 สาขาต้องเปิดเสรีตามกรอบการลงทุนอาเซียนตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค.53 แต่เนื่องจากคณะกรรมการนโยบายเศรษฐกิจระหว่างประเทศ(กนศ.) ได้มีมติให้ชะลอการเปิดเสรีออกไปก่อน และคณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบแล้ว
"บัญชีสงวนทั้ง 3 สาขาของไทย อาเซียนอื่นๆ ให้การยอมรับแล้ว แต่ของประเทศอื่น ส่วนใหญ่ยังไม่ได้รับการยอมรับ จึงทำให้การเปิดเสรีการลงทุนอาเซียนไม่เป็นไปตามเป้าหมายเดิมตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค.ที่ผ่านมา ซึ่งอาเซียนต้องหาข้อยุติ และต้องให้พร้อมเปิดเสรีภายในวันที่ 1 ส.ค.53" นายอลงกรณ์กล่าว
นอกจากนี้ ไทยจะประกาศความพร้อมที่จะลงนามในสัตยาบันความตกลงการค้าสินค้าของอาเซียน(ATIGA) จากที่ก่อนหน้านี้ ไทยไม่ยอมให้สัตยาบัน เพราะไม่สามารถเจรจากับฟิลิปปินส์ให้ชดเชยความเสียหายกับไทยกรณีชะลอการลดภาษีนำเข้าข้าวตามข้อตกลงเขตการค้าเสรีอาเซียน(AFTA) แต่หลังจากเจรจาจนได้ข้อยุติแล้วไทยจึงยอมลงนาม โดยฟิลิปปินส์ยอมเปิดตลาดข้าวให้จำนวน 367,000 ตัน ภาษีเหลือ 0% ในจำนวนนี้เป็นข้าวคุณภาพดี 50,000 ตัน ซึ่งมีทั้งข้าวขาว 5% และ 100%
โดยหลังจากนี้ กระทรวงพาณิชยืจะเสนอให้คณะรัฐมนตรีและสภาผู้แทนราษฎรพิจารณาในส่วนของข้อตกลงเรื่องข้าวกับประเทศฟิลิปปินส์ เพราะถือเป็นข้อตกลงระหว่างประเทศที่ต้องผ่านความเห็นชอบจากสภาฯ ตามมาตรา 190 ในกฎหมายรัฐธรรมนูญปี 50