เบน เบอร์นันเก้ ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) แถลงต่อคณะกรรมาธิการด้านการเงินแห่งสภาคองเกรสเมื่อคืนนี้ว่า เฟดจะยังคงอัตราดอกเบี้ยระยะสั้น (fed fund rate) ที่ระดับต่ำสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 0-0.25% ต่อไปอีกระยะหนึ่งเพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจให้แข็งแกร่งและเพื่อรับมือกับอัตราว่างงานที่ยังอยู่ในระดับสูง แม้ว่าเฟดตัดสินใจประกาศขึ้นอัตราดอกเบี้ยมาตรฐาน (discount rate) 0.25% เป็น 0.75% ไปเมื่อสัปดาห์ที่แล้วก็ตาม
อัตราดอกเบี้ยมาตรฐานคืออัตราดอกเบี้ยเงินกู้ที่เฟดเรียกเก็บจากธนาคารพาณิชย์ซึ่งกู้ยืมโดยตรงจากเฟด ส่วนอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นคืออัตราดอกเบี้ยเงินกู้ข้ามคืนที่ธนาคารพาณิชย์เรียกเก็บจากการกู้ยืมระหว่างกัน
ทั้งนี้ เบอร์นันเก้กล่าวต่อคณะกรรมาธิการด้านการเงินฯว่า เศรษฐกิจสหรัฐยังคงต้องพึ่งพาอัตราดอกเบี้ยที่ระดับต่ำต่อไปอีกระยะหนึ่ง เช่นเดียวกับในปี 2552 ที่เฟดใช้เครื่องมือด้านการเงินมากมาย รวมถึงนโยบายอัตราดอกเบี้ย ในการกระตุ้นเศรษฐกิจให้แข็งแรงและรักษาเสถียรภาพด้านราคา
เบอร์นันเก้กล่าวว่า จีดีพีในช่วงครึ่งหลังของปี 2552 ขยายตัวในอัตรา 4% ต่อปี โดยเฉพาะไตรมาส 4 ที่จีดีพีขยายตัวได้ดีถึง 5.7% ต่อปี ซึ่งทำสถิติขยายตัวสูงสุดในรอบกว่า 6 ปี บ่งชี้ว่าเศรษฐกิจสหรัฐยังคงมีการขยายตัว ขณะที่ดีมานด์ภาคเอกชนขยายตัวปานกลาง ซึ่งส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากการฟื้นตัวของตลาดการเงิน ทั้งนี้ เบอร์นันเก้คาดว่าเศรษฐกิจสหรัฐจะขยายตัวราว 3-3.5% ในปี 2553 และขยายตัว 3.5-4.5% ในปี 2554
อย่างไรก็ตาม เบอร์นันเก้กล่าวว่า ตลาดแรงงานได้รับผลกระทบหนักสุดจากภาวะเศรษฐกิจถดถอย ซึ่งนายจ้างลดการจ้างงานลงหลังจากยอดขายทรุดตัว ขณะที่ประชาชนไม่กล้าออกไปจับจ่ายใช้สอยเพราะต้องการออมเงินไว้ในช่วงที่ตลาดแรงงานยังตึงตัว ซึ่งสถานการณ์ดังกล่าวทำให้ตัวเลขการใช้จ่ายผู้บริโภคหดตัวลง และจะยิ่งส่งผลกระทบต่อการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ โดยเบอร์นันเก้คาดว่าอัตราว่างงานในสหรัฐจะเคลื่อนไหวอยู่ในกรอบ 6.5-7.5% ภายในปี 2555 ซึ่งสูงกว่าค่าเฉลี่ยระยะยาวของเฟดที่ระดับ 5%
ส่วนกรณีที่เฟดปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยมาตรฐาน 0.25% เมื่อสัปดาห์ที่แล้วนั้น เบอร์นันเก้อธิบายว่า เป็นเพียงความพยายามที่จะถอนมาตรการที่เฟดเคยนำมาใช้ในการเพิ่มสภาพคล่องในตลาดการเงิน แต่เป็นการดำเนินการแบบค่อยเป็นค่อยไป พร้อมกับกล่าวว่าการที่ตัดสินใจปรับขึ้นดอกเบี้ยมาตรฐานก็เพราะต้องการโน้มน้าวธนาคารพาณิชย์ให้ลดการพึ่งพาช่องทางการกู้เงินฉุกเฉินจากเฟด และให้ธนาคารพาณิชย์หันไปกู้เงินระยะสั้นจากตลาดการระดมทุนของเอกชนแทน นอกจากนี้ เบอร์นันเก้ยังกล่าวด้วยว่า ตัวเลขเงินเฟ้อในสหรัฐยังคงอยู่ในระดับต่ำ โดยคาดว่าดัชนีราคาผู้บริโภค (ซีพีไอ) จะเคลื่อนตัวที่ระดับ 1-2% ในปีนี้ไปจนถึงปี 2555 สำนักข่าวซินหัวรายงาน