ยอดขายบ้านใหม่ของสหรัฐร่วงลงแตะระดับต่ำสุดเป็นประวัติการณ์ในเดือนม.ค. ซึ่งตอกย้ำว่าตลาดอสังหาริมทรัพย์ยังคงเผชิญกับสถานการณ์เลวร้าย ขณะที่รัฐบาลยังคงพยายามที่จะกระตุ้นเศรษฐกิจให้หลุดพ้นจากภาวะถดถอยครั้งรุนแรงในรอบหลายสิบปี
กระทรวงพาณิชย์สหรัฐรายงานว่า ยอดขายบ้านใหม่ในเดือนม.ค.ดิ่งลง 11.2% แตะที่ 309,000 ยูนิต ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดเป็นประวัติการณ์ในรอบเกือบ 50 ปี อีกทั้งยังสวนทางกับที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 5% จากเดือนธ.ค.
ปัจจัยลบที่ส่งผลให้ยอดขายบ้านปรับตัวลดลงติดต่อกันนาน 3 เดือนนั้นส่วนหนึ่งมาจากสภาพอากาศที่เลวร้าย โดยเฉพาะพายุหิมะที่พัดถล่มหลายพื้นที่ในสหรัฐ ขณะที่นักวิเคราะห์กังวลว่าอัตราการฟื้นตัวของยอดขายบ้านในช่วงครึ่งปีหลังอาจเริ่มชะลอตัวลงอันเป็นผลสืบเนื่องจากมาตรการกระตุ้นของรัฐบาลหมดอายุลง
นักวิเคราะห์มองว่าตลาดตลาดอสังหาริมทรัพย์ในเดือนม.ค.-ก.พ.ยังคงเผชิญปัญหาจากปัจจัยเกี่ยวกับสภาพอากาศที่เลวร้าย และแม้ว่ารัฐบาลจะออกมาตรการกระตุ้นตลาดแต่ยอดขายบ้านก็ยังคงทรุดตัวลง
โดยยอดขายบ้านของสหรัฐปรับตัวลดลงในทุกพื้นที่ ยกเว้นในแถบมิดเวสท์ที่ทำยอดขายเพิ่มขึ้น 2.1% ส่วนยอดขายบ้านทางตะวันออกเฉียงเหนือของสหรัฐร่วงลง 35% และยอดขายในแถบตะวันตกทรุดตัวลง 12% ขณะที่ทางตอนใต้ยอดขายร่วงลงเกือบ 10%
นอกจากนี้ ยอดขายบ้านที่ปรับตัวลดลงยังส่งผลให้ราคาบ้านขนาดกลางลดลงเหลือ 203.500 ดอลลาร์ ซึ่งถูกลง 5.6% จากราคาขายบ้านในเดือนธ.ค.ที่ 215,600 ดอลลาร์ และลดลง 2.4% จากปีก่อนหน้านี้
ทั้งนี้ ยอดขายบ้านตลอดทั้งปี 2552 ร่วงลงเกือบ 23% แตะที่ 374,000 ยูนิต ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดเป็นประวัติการณ์ อย่างไรก็ตาม ทางสมาคมนายหน้าค้าอสังหาริมทรัพย์คาดว่ายอดขายบ้านในปีนี้จะพุ่งสูงกว่า 500,000 ยูนิต และจะขยายตัวเพิ่มขึ้นจากปี 2552 แต่จะอยู่ในระดับที่น้อยกว่าช่วงที่ตลาดที่อยู่อาศัยเฟื่องฟูในปี 25446-2549 ซึ่งในขณะนั้นสหรัฐมียอดขายบ้านสูงกว่า 1 ล้านยูนิตต่อปี