นายธนวรรธน์ พลวิชัย ผู้อำนวยการ ศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย คาดว่า อัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจในปี 53 อาจลดเหลือ 2-3% หากการเมืองมีความวุ่นวายและปัญหามาบตาพุดไม่จบ แต่ถ้าทุกอย่างราบรื่นไปได้สวยจะมีโอกาสเติบโตได้ถึง 4-5%
ศูนย์พยากรณ์ฯ คาดการณ์ไว้ 3 กรณี โดยกรณีที่ 1 ขยายตัว 3-4% หรือเฉลี่ย 3.5% มีโอกาสเป็นไปได้สูงถึง 65% คือ สถานการณ์ทางการเมืองยังคงมีเสถียรภาพ แม้จะมีการยุบสภา หรือมีการเรียกร้องทางการเมือง แต่ไม่รุนแรงจนมีเหตุปะทะกัน การแก้ปัญหามาบตาพุดสามารถทำได้อย่างช้าไตรมาส 3 ประกอบกับ เศรษฐกิจโลกฟื้นตัวเฉลี่ยที่ 3% และมาตรการไทยเข้มแข็งสามารถดำเนินการได้
กรณีที่ 2 ขยายตัว 4-5% มีความเป็นไปได้ 25% คือ สถานการณ์ทางกาเรมืองเป็นปกติ พืชผลทางการเกษตรราคาดีต่อเนื่อง โครงการไทยเข้มแข็งสามารถขับเคลื่อนเศรษฐกิจได้ปลายไตรมาส 2 เศรษฐกิจโลกฟื้นตัว 3.5% และสามารถแก้ปัญหามาบตาพุดได้ช่วงกลางปี
ส่วนกรณี 3 ขยายตัว 2-3% มีโอกาสเป็นไปได้ 10% หากการเมืองวุ่นวาย เกิดการทะปะกันรุนแรงเหมือนเดือนเม.ย.52 ซึ่งทำให้เม็ดเงินจากการท่อง เที่ยวหายไปประมาณ 50,000 ล้านบท การบริโภคหายไป 30,000-50,000 ล้านบาท และเม็ดเงินจากการลงทุนหายไป 20,000-40,000 ล้านบาท รวมแล้วเม็ดเงินหายไปจากเศรษฐกิจไทย 100,000-190,000 ล้านบาท ขณะเดียวกัน ปัญหามาบตาพุดไม่สามารถคลี่คลายได้ในช่วงครึ่งหลังของปี และเศรษฐกิจโลกฟื้นตัวช้า
“ปัจจัยด้านเศรษฐกิจไม่มีอะไรกดดัน ยกเว้นการเมือง ถ้าไม่เกิดความวุ่นวายก็น่าจะผ่านไปได้ และขยายตัวตามคาด 3-4% แต่ถ้าวุ่นวายหนักจีดีพีก็จะลงมาเหลือแค่ 2-3% เท่านั้น เรื่องคดียึดทรัพย์คงบอกอะไรไม่ได้มากจนกว่าจะมีผลคำตัดสิน" นายธนวรรธน์กล่าว