นายลักษณ์ วจนานวัช ผู้จัดการ ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) เปิดเผยว่า ธ.ก.ส.ในฐานะธนาคารที่ดูแลเกษตรกรได้เตรียมวงเงินกู้ในเบื้องต้นเพื่อให้องค์การคลังสินค้า(อคส.)และองค์การตลาดเพื่อเกษตรกร(อ.ต.ก.)นำไปใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนในการแทรกแซงตลาดรับซื้อข้าวเปลือกจำนวน 20,000 ล้านบาท
ทั้งนี้ ทาง อคส. และ อ.ต.ก.ด้มีการตั้งโต๊ะรับซื้อข้าวเปลือกในราคาเกณฑ์กลางอ้างอิงที่กำหนด ตามที่ที่คณะรัฐมนตรีมีมติขยายระยะเวลาดำเนินมาตรการรักษาเสถียรภาพราคาข้าวเปลือกเพื่อช่วยเหลือเกษตรกรที่ออกมาเรียกร้องเนื่องจากประสบปัญหาราคาข้าวเปลือกตกต่ำ
นอกจากนี้ ในส่วนของ ธ.ก.ส. ยังได้เปิดโครงการรับฝากข้าวเปลือกในยุ้งฉางเกษตรกร เพื่อเป็นทางเลือกให้กับเกษตรกรในการชะลอการขายผลผลิตในช่วงราคาตกต่ำ โดย ธ.ก.ส. คิดอัตราดอกเบี้ยการรับฝากจากเกษตรกร ร้อยละ 2 ต่อปี
ทั้งนี้ โครงการดังกล่าว ธ.ก.ส.ได้เปิดดำเนินการในภาคต่างๆ ตั้งแต่เดือน พ.ย.52-ก.พ.53 ยกเว้นภาคใต้ ตั้งแต่เดือน ก.พ.-พ.ค.53 กำหนดระยะเวลาไถ่ถอนภายใน 4 เดือน นับถัดจากเดือนที่รับฝากข้าวเปลือก ซึ่งจนถึงปัจจุบันมีเกษตรกรเข้าร่วมโครงการ จำนวน 31,796 ราย จำนวนเงินกู้ 2,540 ล้านบาท และมีเกษตรกรที่ขอไถ่ถอนการรับฝากไปแล้ว 341 ราย จำนวนเงินกู้ 25 ล้านบาท
นายลักษณ์ กล่าวอีกว่า ช่วงนี้ข้าวเปลือกที่ออกสู่ตลาดส่วนใหญ่เป็นข้าวเปลือกนาปรัง ซึ่งมักจะมีความชื้นสูงกว่าปกติ เวลานำไปขายจึงถูกกดราคา ดังนั้น เกษตรกรควรดูแลข้าวเปลือกของตนเอง เช่น เก็บเกี่ยวในช่วงระยะเวลาที่เหมาะสมกับอายุของข้าว นำไปผึ่งแดดเพื่อลดความชื้น เป็นต้น เพื่อให้ข้าวที่ผลิตมีคุณภาพที่ดีและเก็บได้นานขึ้น