นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า รัฐบาลมีเป้าหมายแก้ไขสัญญาสัมปทานของไอซีทีจริง เพื่อให้เกิดการแข่งขันอย่างเสรี และมีสิทธิในสัญญาเท่าเทียมกัน ซึ่งได้หารือกับกระทรวงการคลังในการเสนอแผนแล้ว โดยเร็วๆนี้จะหารือกับรมว.ไอซีที
ทั้งนี้เห็นว่าเรื่องของ 3G เป็นโอกาสทองของไทยเพราะจะก่อให้เกิดการแข่งขันที่ดี อีกทั้ง กสท.มีเป้าหมายที่จะเข้ามามีบทบาทในเรื่องนี้ ต่อเนื่องถึงเรื่องของการซื้อสัญญาของฮัทช์ ที่มี CDMA โดยคาดว่าหากพูดคุยกับกระทรวงไอซีทีแล้ว จะนำเรื่องเข้าที่ประชุมคณะรัฐมนตรี ได้ในไม่ช้า
ขณะที่ ร.ต.หญิง ระนองรักษ์ สุวรรณฉวี รมว.เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร (ไอซีที) เตรียมแถลงในวันที่ 3 มี.ค.นี้ ถึงท่าทีในเรื่องสัญญาดาวเทียมไทยคม เป็นสัญญาที่เกิดขึ้นระหว่างกระทรวงไอซีที และ บมจ.ชิน แซทเทลไลท์ หรือ บมจ.ไทยคม (THCOM) ในปัจจุบัน จึงเป็นอำนาจของรมว.ไอซีที ที่ต้องพิจารณา
ส่วนนายสือ ล้ออุทัย ปลัดกระทรวง ไอซีที ระบุว่า กระทรวงไอซีทีจะนำสัญญาการปรับลดส่วนแบ่งระบบโทรศัพท์แบบเติมเงิน หรือ พรีเพด เข้าสู่การพิจารณาของคณะกรรมการตรวจสอบการแก้ไขสัญญา ซึ่งที่ผ่านมา สัญญาระหว่างบมจ.ทีโอทีและ บมจ.แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส (ADVANC) มีการแก้ไขกันมากถึง 7 ครั้ง จากนั้นจะนำเสนอเข้าสู่ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี เพื่อพิจารณาว่า การแก้สัญญาครั้งใดเป็นการแก้ไขโดยมิชอบ
ด้านนายสมเกียรติ ตั้งกิจวานิชย์ รองประธานสถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศ (ทีดีอาร์ไอ) กล่าวว่า จากผลของคำพิพากษาของศาลที่ให้ยึดทรัพย์ของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี จำนวนกว่า 4.6 หมื่นล้านบาท และมีพฤติกรรมออกนโยบายด้านโทรคมนาคม เอื้อประโยชน์ ต่อกลุ่มบมจ.ชิน คอร์ปอเรชั่น (SHIN) หากจะมีการแก้ไขสัญญาสัมปทานโทรคมนาคม คงต้องดูข้อกฎหมายเป็นหลัก และต้องพิจารณาเป็นรายกรณี เนื่องจากคำพิพากษาของศาลเกี่ยวข้องกับเฉพาะกลุ่มชินคอร์ปอเรชั่น เท่านั้น ส่วนกลุ่มอื่นแรงกระทบจะเป็นระลอกต่อไป ขณะที่ภาคธุรกิจโทรคมนาคมที่เกี่ยวข้อง ก็ต้องทำให้มั่นใจว่าได้ทำถูกต้องตามกฎหมายแล้ว