ตร.เล็งขอหมายศาลตรวจสต็อกโรงน้ำตาล หลังพบอ้างชื่อชาวบ้านซื้อล็อตใหญ่

พล.ต.ต.ปัญญา มาแม่น รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง กองบังคับการปราบกรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเศรษฐกิจ เตรียมขอหมายศาลออกตรวจสอบสต็อกโรงงานและผู้ส่งออกน้ำตาลเร็วๆ นี้ หลังจากกระทรวงพาณิชย์ได้รับรายงานจากสำนักงานอ้อยและน้ำตาลทราย(สอน.)ว่า มีหญิงอาชีพรับจ้างทำสวนใน จ.ราชบุรี ถูกแอบอ้างชื่อเป็นผู้สั่งซื้อน้ำตาลทรายตั้งแต่เดือน พ.ย.52-ก.พ.53 รวมกว่า 2,000 ตัน คิดเป็นมูลค่ากว่า 40 ล้านบาท ขณะเดียวกันยังพบเบาะแสความผิดปกติลักษณะเดียวกันในพื้นที่รอบกทม.อีก 8-9 ราย

น.ส.ชุติมา บุณยประภัสร อธิบดีกรมการค้าภายใน กล่าวว่า ได้เสนอให้นางพรทิวา นาคาศัย รมว.พาณิชย์ เรียกประชุมคณะกรรมการกลางว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ(กกร.) เพื่อออกประกาศควบคุมการครอบครองน้ำตาลไม่เกิน 10,000 กก. และหากขนย้ายน้ำตาลเกิน 10 ตัน จะต้องขออนุญาตจากกรมการค้าภายใน เพื่อแก้ปัญหาน้ำตาลตึงตัวในหลายพื้นที่ ทำให้ประชาชนต้องซื้อน้ำตาลราคาแพงกว่าราคาควบคุมกว่ากก.ละ 25-26 บาท

รายงานข่าวระบุว่า การแอบอ้างใช้ชื่อประชาชนทั่วไปมาเป็นผู้สั่งซื้อน้ำตาลปกติแล้วเป็นเรื่องยากมาก เพราะน้ำตาลเป็นสินค้าควบคุมและมีระบบที่รัดกุม อีกทั้งการขนย้ายน้ำตาลออกจากโรงงานน้ำตาลต้องได้รับใบอนุญาตจาก สอน. กระทรวงอุตสาหกรรม โดยแบ่งเป็นหนังสือรับรองการขนย้าย กน.2 สำหรับการใช้น้ำตาลเพื่อการบริโภคภายในประเทศ และโรงงานอุตสาหกรรม และใบ กน.6 สำหรับการส่งออก

ทั้งนี้ ที่ผ่านมาสถานการณ์ราคาน้ำตาลทรายในตลาดโลกที่มีปรับสูงขึ้น ทำให้มีพ่อค้าหัวใสหาช่องทางหลีกเลี่ยงการออกใบอนุญาตขนย้ายหรือส่งมอบต่อไปยังลูกค้า เพื่อนำไปขายเก็งกำไรส่วนต่าง ส่งผลให้เกิดน้ำตาลขาดแคลนในวงกว้าง ส่วนข้อเสนอของกระทรวงพาณิชย์ที่ต้องการกันสำรองน้ำตาลทรายไว้ประมาณ 400,000-500,000 กระสอบนั้น ยังอยู่ระหว่างกระบวนการเสนอเรื่องไป สอน.

อย่างไรก็ดี วิธีนี้เป็นเพียงการกันสำรองเพื่อบริหารตัวเลขการจ่ายน้ำตาลในประเทศเท่านั้น แต่ไม่มีการขนน้ำตาลมาบริหารเอง ซึ่งเป็นการแก้ปัญหาทางจิตวิทยากับตลาด หลังพบหลายพื้นที่เกิดภาวะตึงตัว และจำหน่ายนำตาลเกินราคาควบคุม ที่ 25-26 บาท/กก.