ออสเตรเลียเผยยอดขาดดุลการค้าเดือนม.ค.ลดลง หลังยอดส่งออกพุ่งสูง-ยอดนำเข้าตกต่ำ

ข่าวต่างประเทศ Thursday March 4, 2010 09:13 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

ยอดขาดดุลการค้าของออสเตรเลียเดือนม.ค.ปรับตัวลดลงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ใน หลังยอดส่งออกสินแร่เหล็กพุ่งสูงขึ้น ขณะที่ยอดนำเข้าเชื้อเพลิงปรับตัวลดลง

สำนักงานสถิติแห่งชาติของออสเตรเลียรายงานว่า ยอดขาดดุลการค้าหดตัวลงสู่ระดับ 1.18 พันล้านดอลลาร์ออสเตรเลีย จากระดับ 2.17 พันล้านดอลลาร์ออสเตรเลีย ขณะที่นักวิเคราะห์คาดว่ายอดขาดดุลการค้าจะอยู่ที่ 1.6 พันล้านดอลลาร์ออสเตรเลีย

ดุลบัญชีการค้าที่ดีขึ้นเป็นอีกหนึ่งสัญญาณที่แสดงให้เห็นว่า ดีมานด์สินค้าประเภทวัตถุดิบจากจีนจะช่วยกระตุ้นการขยายตัวทางเศรษฐกิจของออสเตรเลียในปีนี้ ซึ่งทางการคาดว่าปี 2553 จะเป็นปีที่การส่งออกขยายตัวได้อย่างแข็งแกร่งในยามที่เศรษฐกิจโลกเริ่มกระเตื้องขึ้น และเศรษฐกิจจีนขยายตัวได้อย่างสดใส

โดยในเดือนม.ค.ที่ผ่านมา ยอดส่งออกของออสเตรเลียเพิ่มขึ้น 1% แตะที่ 2.01 หมื่นล้านดอลลาร์ออสเตรเลีย นำโดยยอดส่งออกสินแร่เหล็กที่ขยายตัว 7% สวนทางกับยอดนำเข้าตกลง 3% แตะ 2.13 หมื่นล้านดอลลาร์ออสเตรเลีย หลังยอดนำเข้าเชื้อเพลิงทรุดฮวบลง 25% ขณะที่ยอดส่งออกสินค้าโภคภัณฑ์มีแนวโน้มทะยานขึ้น 15% ในปีงบประมาณหน้าแตะระดับ 1.87 แสนล้านดอลลาร์ออสเตรเลีย

ขณะเดียวกัน นายเกล็น สตีเวนส์ ผู้ว่าการธนาคารกลางออสเตรเลียได้ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยขึ้นอีก 0.25% แตะที่ 4% ในการประชุมเมื่อวันอังคารที่ผ่านมา ท่ามกลางสัญญาณการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจ ซึ่งเมื่อช่วงไตรมาสที่ผ่านมา เศรษฐกิจออสเตรเลียขยายตัวในอัตราสูงสุดในรอบเกือบ 2 ปีที่ระดับ 0.9% เมื่อเทียบกับไตรมาส 3 ที่ขยายตัวขึ้น 0.3% นอกจากนั้นแล้ว ความเชื่อมั่นภาคธุรกิจและผู้บริโภคที่ดีขึ้น รวมถึงอัตราว่างงานที่ลดลงล้วนเป็นเหตุผลสำคัญที่ทำให้ธนาคารกลางขึ้นดอกเบี้ยในสัปดาห์นี้ และส่งสัญญาณขึ้นดอกเบี้ยอีกในเดือนต่อๆไป

ทั้งนี้ การลงทุนในธุรกิจเหมือง ท่าเรือ และระบบโครงสร้างพื้นฐานอาจมีสัดส่วนสูงถึง 6% ของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ ซึ่งตัวเลขดังกล่าวเพิ่มขึ้นกว่า 2 เท่าของจำนวนเงินที่ใช้จ่ายในช่วงที่อุตสาหกรรมทรัพยากรธรรมชาติเฟื่องฟูถึงขีดสุดในปลายปี 2513 โดยทางบีเอชพี บิลลิตัน บริษัทเหมืองรายใหญ่ที่สุดของโลกประกาศแผนเพิ่มเงินทุนด้านธุรกิจเหมืองและบ่อน้ำมันอีก 63% ในปีหน้าแตะที่ 2.08 หมื่นล้านดอลลาร์ จากระดับ 1.28 หมื่นล้านดอลลาร์ในปีนี้


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ