นายไตรรงค์ สุวรรณคีรี รองนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงการระบายสต็อกข้าวของรัฐบาลว่า รัฐบาลจะแบ่งสายเดินทางไปเจรจาขายข้าวแบบจีทูจีที่แอฟริกา และกลุ่มประเทศตะวันออกกลาง แต่ยังไม่ได้กำหนดช่วงเวลาในการเดินทาง เนื่องจากเชื่อว่าผลกระทบจากภัยแล้งจะทำให้ความต้องการข้าวในตลาดโลกสูงขึ้น
ขณะเดียวกันเรื่องการบริหารสต็อกข้าวที่มีอยู่นั้น วานนี้ (3 มี.ค.) ได้มอบหมายให้กระทรวงพาณิชย์ไปเช็คสต็อกว่าจำนวนข้าวที่แท้จริงมีอยู่เท่าไหร่ จะได้พิจารณาวางแผนถูกว่าการระบายข้าวจะแบ่งระบายจำนวนเท่าไหร่ และจะสำรองไว้บริโภคในประเทศเท่าไหร่ เพราะในประเทศก็มีปัญหาเรื่องภัยแล้งทำให้ผลผลิตลดลงเช่นกัน จะได้ไม่มีปัญหาขาดแคลนในประเทศ ซึ่งคิดว่าเรื่องการระบายระบายข้าวคงต้องรออีก 3-4 เดือนจะกลับมาพิจารณาอีกครั้งว่าจะทำอย่างไร
ส่วนปัญหาชาวนาก่อม็อบประท้วง ได้มอบหมายให้กระทรวงพาณิชย์ไปชี้แจง ซึ่งเชื่อว่าการออกมาเคลื่อนไหวส่วนหนึ่งเป็นผลจากกลุ่มที่เคยได้รับผลประโยชน์จากโครงการรับจำนำและการเมือง แต่ต้องเข้าใจว่าปัญหาที่ชาวนาออกมาประท้วงไม่ได้มีสาเหตุจากเรื่องราคารับประกันต่ำ แต่ชาวนาประสบปัญหาเพลี้ยกระโดดทำให้ผลผลิตลดลง ซึ่งไม่ควรนำทั้งสองเรื่องมาปะปนกัน ดังนั้นขอให้เกษตรกรเก็บหลักฐานเพื่อขอรับชดเชยจากเรื่องเพลี้ยกระโดด ขณะเดียวกันเมื่อมีปัญหาเรื่องเพลี้ยกระโดดทำให้เกษตรกรรีบเก็บเกี่ยวผลผลิตทำให้มีปัญหาเรื่องความชื้นสูง ราคาจึงลดลง
"อย่าเอามาปนกัน บ้านเมืองต้องมีหลัก ผมดูตรงนี้ไม่ใช่จะโอนอ่อนผ่อนตามทุกเรื่อง"นายไตรรงค์ กล่าว
นายไตรรงค์ กล่าวต่อว่า โครงการรับจำนำที่ทำในอดีต มีเกษตรกรได้รับประโยชน์เพียง 3 แสนราย ขณะที่การประกันราคามีเกษตรกรได้ประโยชน์ถึง 3 ล้านราย