น.ส.วงษ์วธู โพธิรัชต์ ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายตลาดเงินและบริหารเงินสำรอง ธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.)ระบุว่า การแข็งค่าของเงินบาทในระยะนี้มาจากการไหลเข้าของเงินทุนจากต่างประเทศมาลงทุนในตลาดหุ้นเป็นส่วนใหญ่ และมีเข้ามาในตลาดพันธบัตรและตราสารหนี้เอกชนเล็กน้อย ซึ่งผิดจากที่เคยคาดว่านักลงทุนต่างชาติอาจมองภาพไม่ดีต่อสถานการณ์ในประเทศหลังศาลมีคำตัดสินคดียึดทรัพย์
สำหรับค่าเงินบาทเมื่อวานนี้ที่แข็งไปถึง 32.64 บาท/ดอลลาร์ ซึ่งแข็งค่าสุดในรอบ 21 เดือนนั้น ยอมรับว่าแข็งค่าแรงเกินไปเมื่อเทียบกับค่าเงินในภูมิภาค แต่ในวันนี้ค่าเงินเยน เงินวอน และ เงินดอลลาร์สิงคโปร์ ก็แข็งค่าขึ้นมาแล้วมากบ้างน้อยบ้างต่างกันไป แต่ก็ทำให้เงินบาทกลับมาเคลื่อนไหวในทิศทางเดียวกับภูมิภาค ขณะที่เงินยูโรก็แข็งค่าเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ หลังจากการแก้ไขปัญหาของกรีซมีความคืบหน้าบ้าง
อย่างไรก็ตาม ก่อนหน้านี้ 2-3 อาทิตย์เงินไหลเข้า-ออกสมดุล มีทั้งฝั่งดีมานด์และซัพพลาย โดยหลังจาก ธปท.มีมาตรการผ่อนคลายเงินทุนเคลื่อนย้ายก็มีผู้ที่ระมัดระวังมากขึ้น แต่สุดท้ายแล้วเงินทุนไหลเข้า-ออกสมดุล ขณะเดียวกันก็ไม่พบการเก็งกำไรค่าเงินทั้งในส่วนเงินไหลเข้า รวมถึงผู้นำเข้าและผู้ส่งออก หลังจากธปท.เปิดยกเลิกเฮดจิ้งได้
ธปท.ก็ยังต้องการส่งสัญญาณไปยังผู้นำเข้าและผู้ส่งออกการทำเฮดจิ้งเป็นเครื่องมือป้องกันความเสี่ยงอัตราแลกเปลี่ยน การจะปรับไปปรับมามากจนกลายเป็นค้าเงินแทนที่จะเป็นการค้าธุรกิจก็จะกลายเป็นความเสี่ยง แต่หลังจากธปท.ผ่อนคลายมาตรการก็ยังไม่เห็นพฤติกรรมนี้