นายธารา บัวคำศรี ผู้จัดการฝ่ายรณรงค์ประจำประเทศไทย กรีนพีซ เอเชียตะวันออกเฉียงใต้กล่าวว่า รัฐบาลไทยควรทบทวนแผนพัฒนากำลังผลิตไฟฟ้าปีล่าสุด โดยควรจะนำโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานนิวเคลียร์ออกจากแผน และปิดสำนักงานพัฒนาโครงการโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ เนื่องจากไร้ประโยชน์และยังสิ้นเปลืองภาษีประชาชน 1.8 พันล้านบาทไปกับการสนับสนุนแผนการสร้างโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ที่มีราคาแพง ไม่ปลอดภัย และไม่สอดคล้องกับความเป็นจริง
ขณะนี้กระทรวงพลังงานกำลังดำเนินการสรุปแผนพัฒนากำลังการผลิตไฟฟ้าปี 2553 หรือ PDP2010 ซึ่งคาดว่าจะแล้วเสร็จภายในปีนี้ แผนนี้จะมีระยะเวลา 20 ปี และถูกเรียกว่าเป็น "PDP สีเขียว" ซึ่งคาดว่ากำลังผลิตติดตั้งในปี 2572 จะเพิ่มเป็น 70,000 เมกะวัตต์ เปรียบเทียบกับกำลังผลิตติดตั้งปัจจุบัน 29,213 เมกะวัตต์ ภายใต้แผนพัฒนากำลังผลิตไฟฟ้าฉบับล่าสุดนี้ กำลังผลิตติดตั้งใหม่ส่วนใหญ่จะมาจากพลังงานนิวเคลียร์ ถ่านหิน และพลังงานนำเข้าจากโครงการเขื่อนขนาดใหญ่ในประเทศลาวและพม่า
“ประเทศไทยมีทางเลือกดีกว่า เช่น พลังงานลม พลังงานแสงอาทิตย์ พลังงานความร้อนใต้พิภพ และการใช้พลังงานอย่างชาญฉลาด รัฐบาลควรพิจารณาสิ่งเหล่านี้เป็นทางออกด้านความมั่นคงทางพลังงานของประเทศ เนื่องจากปลอดภัยกว่า สะอาดกว่าและเป็นพลังงานที่ยั่งยืนมากกว่าพลังงานนิวเคลียร์" นายธารา กล่าว
ทั้งนี้ กรีนพีซร่วมกับชุมชนจากจังหวัดสุราษฎร์ธานีแสดงข้อเรียกร้องดังกล่าวในการแถลงข่าวเปิดตัวปฏิทิน “365 เหตุผลที่ไม่ควรจำนนต่อพลังงานนิวเคลียร์" ซึ่งกรีนพีซได้รวบรวมอุบัติเหตุที่เกิดขึ้นในแต่ละวันจากความผิดพลาดของอุตสาหกรรมนิวเคลียร์ทั่วโลกมาบรรจุไว้