นายโจว เสี่ยวฉวน ผู้ว่าการธนาคารกลางจีน ออกแถลงข่าวต่อสื่อมวลชนที่กรุงปักกิ่งในวันนี้ว่า จีนมีความระมัดระวังเรื่องการถอนมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ พร้อมกับส่งสัญญาณว่าอาจจะไม่มีการปรับเงินหยวนให้แข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐในเร็วๆนี้ แม้เศรษฐกิจจีนขยายตัวแข็งแกร่งถึง 10.7% ก็ตาม
นายโจวยังกล่าวด้วยว่า ธนาคารกลางจีนพร้อมที่จะใช้มาตรการเพิ่มเติมในการควบคุมการปล่อยเงินกู้ของธนาคารพาณิชย์ หลังจากธนาคารกลางประกาศให้เพิ่มการกันสำรองสภาพคล่องของธนาคารพาณิชย์ไปแล้วในช่วงก่อนหน้านี้ นอกจากนี้ นายโจวกล่าวว่า การปฏิรูปค่าเงินหยวนถือเป็นนโยบายระยะยาว ส่วนนโยบายอัตราแลกเปลี่ยนในปัจจุบันของจีนนับว่ายืดหยุ่นมากพอ
ทั้งนี้ ธนาคารกลางจีนได้ตรึงสกุลเงินหยวนไว้ที่ระดับ 6.8 หยวนต่อดอลลาร์มาตั้งแต่เดือนก.ค.ปี 2552 เพื่อช่วยเหลือกลุ่มผู้ส่งออกของจีนให้สามารถแข่งขันในตลาดโลกได้ แต่การดำเนินการดังกล่าวสร้างความไม่พอใจให้กับประเทศคู่ค้าของจีน โดยเฉพาะสหรัฐ นอกจากนี้ รัฐบาลจีนยังใช้มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจวงเงินสูงถึง 4 ล้านล้านหยวน หรือ 5.86 แสนล้านดอลลาร์ เพื่อรับมือกับวิกฤตการณ์การเงินโลก
การแสดงความคิดเห็นของนายโจวสวนทางกับเทรดเดอร์ในตลาดปริวรรตเงินตราที่คาดการณ์ไว้ก่อนหน้านี้ว่า ธนาคารกลางจีนจะปล่อยเงินหยวนให้แข็งค่าขึ้นเนื่องจากยอดส่งออกของจีนขยายตัวแข็งแกร่ง และดัชนีราคาผู้บริโภคปรับตัวขึ้นอย่างรวดเร็ว ส่วนเมื่อวานนี้ นายกรัฐมนตรีเหวิน เจียเป่า ของจีน ออกแถลงการณ์ในที่ประชุมประจำปีของรัฐสภาจีนว่า จีนตั้งเป้าผลักดันตัวเลขจีดีพีให้ขยายตัวในอัตรา 8% ในปีนี้ พร้อมกับเพิ่มการจ้างงานในเขตเมืองกว่า 9 ล้านตำแหน่ง โดยรัฐบาลจะจัดสรรงบประมาณ 4.33 หมื่นล้านหยวนเข้าไปกระตุ้นการจ้างงาน และจะจัดสรรงบประมาณ 1.335 แสนล้านหยวนเพื่อสนับสนุนเกษตรกร ซึ่งเพิ่มขึ้น 3.04 พันล้านหยวนเมื่อเทียบเป็นรายปี
นอกจากนี้ รัฐบาลจีนให้คำมั่นสัญญาว่าจะอัดฉีดเม็ดเงินและสินเชื่อเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจอย่างเพียงพอและเหมาะสม เพื่อสร้างความเชื่อมั่นว่าเศรษฐกิจจีนจะขยายตัวแข็งแกร่งในปีนี้