นายพุฒิพงษ์ ปุณกันต์ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะกรรมการรัฐมนตรีเศรษฐกิจ(ครม.เศรษฐกิจ)รับทราบกรณีที่ธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.)ประเมินภาวะการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลกในปี 53 และผลกระทบที่จะมีต่อประเทศไทย ซึ่งพบว่า เศรษฐกิจโลกมีแนวโน้มที่ดีขึ้นและฟื้นตัวอย่างต่อเนื่องทั้งในกลุ่มประเทศจี 3 และกลุ่มประเทศที่พัฒนาใหม่
แต่ทั้งนี้ ความเสี่ยงต่อการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลกยังมีอยู่มากพอสมควร เนื่องจากอัตราการว่างงานในต่างประเทศยังอยู่ในระดับสูง โดยยุโรปอยู่ที่ 9.9% สหรัฐ 9.7% และญี่ปุ่น 4.5% ประกอบกับ ยังมีการหดตัวของสินเชื่อในสหรัฐ และความกังวลเกี่ยวกับปัญหาหนี้ภาครัฐของกรีซ และดูไบ
นอกจากนี้ ธปท. ยังรายงานว่า ความแตกต่างในการฟื้นตัวของกลุ่มประเทศที่พัฒนาแล้วกับประเทศในภูมิภาคเอเชีย ทำให้มีเงินทุนไหลเข้าสู่ภูมิภาคเอเซียมากขึ้น ส่งผลให้ค่าเงินบาทของไทยแข็งค่ามากขึ้นในช่วงที่ผ่านมา
ขณะที่ในประเทศยังมีปัจจัยเสี่ยงสำคัญที่ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจ คือ ปัญหาการขาดแคลนแรงงานในบางอุตสาหกรรม, ภาวะภัยแล้ง ที่ประเมินว่าอาจจะรุนแรงเท่ากับปี 47, การฟื้นตัวของนักท่องเที่ยว, ความมั่นใจต่อภาวะทางการเมือง ซึ่งจะส่งผลต่อการลงทุนภาคเอกชน
ธปท.ได้เสนอผลสำรวจความคิดเห็นของผู้ประกอบการในเดือน ม.ค.53 ต่อมุมมองเรื่องการเมือง ที่เป็นอุปสรรคในการทำธุรกิจ ซึ่งพบว่า ผู้ประกอบการ 55% มีความกังวลมากที่สุดเกี่ยวกับความไม่แน่นอนของภาวะเศรษฐกิจ แต่ลดลงจาก ธ.ค. 52 ที่อยู่ในระดับ 57% ขณะที่ เรื่องความไม่แน่นอนทางการเมืองพบว่า เพิ่มขึ้นเป็น 54% จากในเดือนธ.ค.ที่อยู่ที่ 51%, เรื่องการปรับราคาสินค้าที่ทำได้ยาก, เรื่องการแข่งขันที่รุนแรงจากตลาดในประเทศ และต้นทุนการผลิตสูง