"เกียรติ"เผยก่อสร้างไทยมีลุ้นประมูลโครงการบ้านเคหะในบาห์เรน มูลค่าหมื่นลบ.

ข่าวเศรษฐกิจ Monday March 8, 2010 14:50 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายเกียรติ สิทธีอมร ประธานผู้แทนการค้าไทย(TTR) เปิดเผยถึงผลการนำคณะนักธุรกิจกลุ่มก่อสร้าง และกลุ่มธนาคารเดินทางไปเยือนประเทศบาห์เรน ซึ่งมีแนวโน้มว่ากลุ่มธุรกิจก่อสร้างของไทยจะได้รับโอกาสในการเข้าไปประมูลโครงการบ้านการเคหะสำหรับผู้มีรายได้น้อยในบาห์เรน ในเดือนมี.ค.นี้จำนวน 5,000 หลัง ซึ่งคิดเป็นมูลค่าราว 20,000 ล้านบาท และในช่วงเดือนเม.ย.ที่จะเปิดประมูลอีก 5,000 หลังเช่นกัน

ทั้งนี้ หากประเทศไทยได้รับคัดเลือกให้เข้าไปก่อสร้างโครงการบ้านดังกล่าว ก็จะใช้เป็นยุทธศาสตร์การลงทุนในโรงงานผลิตปูนซิเมนต์ และโรงงานผลิตโครงสร้างสำเร็จรูป รวมทั้งเฟอร์นิเจอร์ และวัสดุก่อสร้างอื่นๆ เพื่อกระจายสินค้าไทยไปในกลุ่มประเทศ GCC 6 ประเทศ(ประเทศในตะวันออกกลาง คือ ซาอุดิอาระเบีย, โอมาน, การ์ตาร์, คูเวต, สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ และบาห์เรน)

"มีความเป็นไปได้ว่าใน 2 สัปดาห์หน้าจะมีข่าวดีที่เอกชนจะได้งาน 5 พันหลัง มูลค่าประมาณ 2 หมื่นล้านบาท และเดือนเม.ย.จะเปิดประมูลอีก 5 พันหลัง ซึ่งเป็นไปได้ว่าไทยจะได้รับการสนับสนุนจากรัฐบาลบาห์เรน และหากมีโครงการก่อสร้างต่อเนื่องกัน 1 หมื่นหลัง เราก็จะไปสร้างโรงงานผลิตปูนซีเมนต์ที่นั่นเลย" นายเกียรติ กล่าว

นายเกียรติ กล่าวด้วยว่า ทั้ง 2 ประเทศเห็นพ้องกันที่จะจัดตั้งศูนย์กระจายสินค้าไทย และศูนย์คลังสินค้าเกษตร-อาหาร โดยเบื้องต้นจะมีการสำรองสินค้าเกษตร 2 ชนิดก่อน คือ ข้าว และน้ำตาล ซึ่งจะมีการกำหนดข้อตกลงร่วมกันภายในสิ้นเดือนมี.ค.นี้ในโอกาสที่นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี จะเดินทางไปเยือนประเทศบาห์เรนอย่างเป็นทางการ

"การตั้งคลังสินค้าอาหารจะเริ่มพิจารณา 2 ตัว คือ ข้าว และน้ำตาล ทางเขาต้องการมีคลังสินค้าไว้เพื่อความมั่นคงทางอาหารของกลุ่มประเทศริมอ่าว ซึ่งอาจจะใช้พื้นที่บริเวณท่าเรือเก่ามาทำ" ประธาน TTR กล่าว

สำหรับความร่วมมือระหว่างกันทางด้านการเงินการธนาคารนั้น ได้มีโอกาสหารือกับธนาคารรายใหญ่ในบาห์เรน เพื่อขยายความร่วมมือเพื่อสนับสนุนโครงการก่อสร้างบ้านการเคหะของบาห์เรนโดยมีต้นทุนต่ำและแข่งขันได้ ซึ่งในเร็วๆ นี้จะมีการลงนามในข้อตกลงร่วมกันกับธนาคารของไทย 4 แห่ง คือ ธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้า(EXIM Bank), ธนาคารเพื่อการพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม(SMEs Bank), ธนาคารอิสลามแห่งประเทศไทย(ibank) และธนาคารกรุงไทย(KTB)

ขณะที่ความร่วมมือด้านการขยายค้าการนั้น ทั้ง 2 ฝ่ายต่างเห็นตรงกันว่าปริมาณการค้าระหว่างไทย บาห์เรนและประเทศในกลุ่ม GCC ยังน้อยมาก โดยมีไม่ถึง 5% ของมูลค่าการนำเข้าของประเทศในกลุ่มนี้ ซึ่งเห็นว่ายังมีศักยภาพที่จะขยายมูลค่าการค้าระหว่างกันได้อีกมากในอนาคต ซึ่งรัฐบาลของทั้ง 2 ฝ่ายพร้อมจะสนับสนุนให้เอกชนมีบทบาทในการเพิ่มปริมาณการค้าการลงทุนระหว่างกันอย่างเต็มที่


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ