ธนาคารกลางฟิลิปปินส์ส่งสัญญาณชะลอมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจหลังตลาดเงินเริ่มมีเสถียรภาพ แต่อาจตรึงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับต่ำต่อไป อ้างเงินเฟ้อมีแนวโน้มขยายตัวแต่ไม่ถึงขั้นที่จะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจ ย้ำธนาคารจะทบทวนทุกมาตรการที่ได้ประกาศใช้ไปโดยมีเป้าหมายเพื่อรับมือกับภาวะเศรษฐกิจถดถอยทั่วโลก
รองผู้ว่าการธนาคารกลางฟิลิปปินส์อ้างถึงเหตุผลที่ต้องทบทวนการใช้มาตรการแทรกแซงในช่วงที่ฟิลิปปินส์เป็นหนึ่งในเหยื่อที่ได้รับผลกระทบจากวิกฤตการเงินโลก โดยชี้ว่าแนวโน้มเศรษฐกิจยังคงเปราะบาง ขณะที่ฐานเงินทุนภายในประเทศไม่มีความแข็งแกร่ง ส่วนการใช้จ่ายภาคเอกชนยังคงอยู่ในระดับต่ำกว่าปีก่อนหน้านี้
ทั้งนี้ ตั้งแต่ช่วงต้นปีที่ผ่านมา ธนาคารกลางฟิลิปปินส์เริ่มเดินตามรอยจีนและอินเดียในการถอดถอนแผนกระตุ้นเศรษฐกิจ รวมถึงการปรับขึ้นดอกเบี้ย Rediscounting Rate ซึ่งเป็นอัตราดอกเบี้ยที่ธนาคารกลางเรียกเก็บจากสถาบันการเงินที่ขอกู้ แต่ยังคงอัตราดอกเบี้ยอ้างอิง (Benchmark Interest Rate) ไว้ในระดับเดิมที่ 4% เพื่อกระตุ้นการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจ
ด้านนักวิเคราะห์จากบริษัทหลักทรัพย์ในกรุงมะนิลากล่าวว่า ธนาคารกลางจะยังใช้นโยบายคุมเข้มด้านการเงินก่อนที่จะขึ้นดอกเบี้ยในเดือนมิ.ย. แต่คาดว่าจะมีการเปลี่ยนแปลงนโยบายในส่วนอื่นๆแทน เช่นการปรับลดการใช้จ่ายเงินงบประมาณ
การปรับลดดอกเบี้ยในสหรัฐและยุโรป รวมถึงหลายประเทศในเอเชียที่มีอัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจที่ดีขึ้น ล้วนมีส่วนกระตุ้นเม็ดเงินหมุนเวียนภายในภูมิภาค ขณะเดียวกันก็ทำให้จีนเริ่มระบายสภาพคล่องส่วนเกินออกจากระบบเศรษฐกิจเพื่อป้องกันภาวะฟองสบู่ในสินทรัพย์
สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า ออสเตรเลียและเวียดนามได้ปรับขึ้นดอกเบี้ยเพื่อควบคุมอัตราเงินเฟ้อ และล่าสุดเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา มาเลเซียได้ประกาศขึ้นดอกเบี้ยระยะสั้นเพื่อเลี่ยงปัญหาขาดดุลยภาพด้านการเงิน ในขณะที่ฟิลิปปินส์ยังต้องรอดูสัญญาณบ่งชี้ภาวะการเติบโตทางเศรษฐกิจมากกว่านี้ก่อนที่จะตัดสินใจขึ้นดอกเบี้ย
ทั้งนี้ นักวิเคราะห์คาดว่า ธนาคารกลางฟิลิปปินส์จะยังคงตรึงดอกเบี้ยไว้ที่ระดับเดิมในการประชุมวันพฤหัสบดีที่ 11 มี.ค.นี้