นักวิเคราะห์คาดไต้หวันขึ้นเพดานกันสำรองตามรอยจีน เพื่อควบคุมการขยายตัวของสินเชื่อ

ข่าวต่างประเทศ Tuesday March 9, 2010 14:41 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

ธนาคารกลางไต้หวันอาจเริ่มใช้นโยบายคุมเข้มด้านการเงินตามรอยจีน รวมถึงการสั่งให้ธนาคารพาณิชย์ปรับเพิ่มเพดานสำรองเงินฝากเพื่อควบคุมการขยายตัวของเงินกู้ และบรรเทาความร้อนแรงในภาคอสังหาริมทรัพย์รวมถึงราคาหุ้นที่พุ่งสูงขึ้น หลังจากที่ได้ปรับลดเพดานกันสำรองเงินสดเป็นครั้งแรกในรอบ 8 ปีไปเมื่อเดือนก.ย.2551

สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า เมื่อวานนี้ ธนาคารกลางไต้หวันได้ขอให้ธนาคารผู้ปล่อยเงินกู้ยื่นเอกสารที่ระบุถึงข้อมูลด้านการปล่อยเงินกู้จำนองภายในวันที่ 11 มี.ค.นี้ ขณะที่เจ้าหน้าที่กำกับดูแลภาคการเงินขอให้ธนาคารควบคุมกระบวนการปล่อยกู้ให้เข้มงวดมากขึ้นด้วย

ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่กำหนดนโยบายของธนาคารกลางไต้หวันอาจตัดสินใจควบคุมอัตราการขยายตัวของสินเชื่อหลังจากยอดปล่อยกู้จำนองบ้านในเดือนม.ค.พุ่งแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 4.93 ล้านล้านดอลลาร์ไต้หวัน ขณะที่ตลาดหุ้นทะยานขึ้นถึง 67% ในปีที่ผ่านมา ซึ่งนอกเหนือจากการใช้มาตรการควบคุมขั้นตอนการปล่อยเงินกู้แล้ว นักวิเคราะห์คาดว่าธนาคารกลางอาจปรับลดอัตราส่วนวงเงินกู้จำนองต่อมูลค่าหลักประกัน (loan-to-value) ลงเหลือ 70% จากระดับ 80%

นักวิเคราะห์จากซิตี้กรุ๊ปกล่าวว่า ธนาคารกลางไต้หวันอาจมองจีนเป็นแบบอย่างในการใช้มาตรการชะลอความร้อนแรงของราคาสินทรัพย์ โดยในเดือนม.ค.และก.พ.ที่ผ่านมา จีนได้เพิ่มสัดส่วนกันสำรองเงินไปแล้ว 0.50% ซึ่งนับเป็นการเริ่มใช้มาตรการคุมเข้มทางการเงินเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่เดือนมิ.ย.2551 ขณะที่นักวิเคราะห์จากสแตนดาร์ด ชาร์เตอร์ดในกรุงไทเปแสดงความเห็นไปในทิศทางเดียวกันว่า การปรับขึ้นเพดานกันสำรองเงินจะช่วยลดสภาพคล่องในตลาด ซึ่งเมื่อพิจารณาจากสถานการณ์ทางเศรษฐกิจในปัจจุบันที่เริ่มฟื้นตัวและมีเสถียรภาพแล้วนั้น ขณะนี้จึงถึงเวลาที่ธนาคารจะพิจารณายกเลิกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจบางรายการออกไป

ทั้งนี้ เอเชียเป็นแกนนำการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจโลกโดยมีออสเตรเลีย จีน อินเดีย และเวียดนามนำร่องในการคุมเข้มมาตรการด้านการเงินเพื่อรับมือกับภาวะเงินเฟ้อและป้องกันภาวะฟองสบู่ โดยไต้หวันมีอัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจ 9.2% ในไตรมาสที่ผ่านมา และมีรายงานยอดสั่งซื้อสินค้าส่งออกและมีตัวเลขผลผลิตอุตสาหกรรมที่สูงสุดเป็นประวัติการณ์ในเดือนม.ค.


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ