นายเอนก ศรีชีวะชาติ นายกสมาคมไทยบริการท่องเที่ยว(TTAA)กล่าวภายหลังจากเข้าพบนายกรัฐมนตรีในวันนี้ว่า การประกาศใช้ พ.ร.บ.ความมั่นคงฯ เพื่อดูแลสถานการณ์ในช่วงการชุมนุมใหญ่ของกลุ่มเสื้อแดง สร้างความมั่นใจให้กับนักท่องเที่ยวญี่ปุ่น ทำให้ขณะนี้นักท่องเที่ยวญี่ปุ่นยังไม่ยกเลิกการเดินทางเข้ามาในประเทศไทย โดยขอวิเคราะห์สถานการณ์การชุมนุมในช่วง 12-14 มี.ค.นี้ก่อนว่าจะมีเหตุการณ์รุนแรงหรือไม่
อย่างไรก็ตาม ยังเชื่อว่าการท่องเที่ยวของไทยในปีนี้จะมีจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางเข้ามา 15-16 ล้านคนตามที่รัฐบาลตั้งเป้าหมายไว้ แต่หากการชุมนุมเกิดความรุนแรงก็คงต้องมีผลกระทบต่อยอดนักท่องเที่ยวด้วย เพียงแต่ขณะนี้ยังไม่สามารถประเมินได้ว่าจะส่งผลกระทบมากน้อยเพียงใด เพราะต้องขึ้นอยู่กับระดับความรุนแรงของสถานการณ์
ด้านนนายสุรพล ศรีตระกูล นายากสมาคมไทยธุรกิจการท่องเที่ยว (ATTA) กล่าวว่า ได้เสนอให้รัฐบาลจัดตั้งศูนย์บริการนักท่องเที่ยวที่มีหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้ามาร่วมเป็นตัวแทน เช่น การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย กระทรวงการท่องเที่ยว ทหารและตำรวจ ซึ่งศูนย์บริการฯ ดังกล่าวจะรองรับเหตุการณ์ใน 3 ช่วง คือ ช่วงก่อนที่จะมีการชุมนุม ช่วงระหว่างการชุมนุม และช่วงหลังการชุมนุม
พร้อมกันนี้ ยังขอให้รัฐบาลดูแลอย่าให้เกิดเหตุการณ์การปิดถนน หรือเส้นทางจราจรที่จะเดินทางไปสนามบินสุวรรณภูมิ ซึ่งในจุดนี้จะมีความสำคัญมากต่อนักท่องเที่ยว
ขณะที่นางมัยรัตน์ พีระญาณ์โกเศส นายกสมาคมธุรกิจท่องเที่ยวภายในประเทศ กล่าวว่า ไม่ห่วงการชุมนุมที่เกิดขึ้นตามวิถีทางประชาธิปไตย แต่สิ่งที่กังวล คือ บุคคลภายนอกที่จะเข้าสร้างสถานการณ์การชุมนุมให้ปั่นป่วน เพราะไม่ต้องการเห็นการชุมนุมเกิดความรุนแรง เนื่องจากเป็นช่วงฤดูท่องเที่ยว รายได้การท่องเที่ยวจะเริ่มไหลเข้าสู่ประเทศตั้งแต่ช่วงเดือนพ.ค.-มิ.ย. นี้
อย่างไรก็ดี ทางสมาคมฯ พร้อมหารือกับทุกฝ่าย ทั้งฝ่ายค้าน และแกนนำกลุ่มผู้ชุมนุมเพื่อขอความร่วมมือทุกฝ่ายไม่ให้เกิดความรุนแรงเพราะจะเกิดผลเสียหายกระทบต่อบ้านเมือง เนื่องจากขระนี้เศรษฐกิจเริ่มดีขึ้นแล้ว
ขณะที่นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ระบุว่า ได้วางหลายมาตรการเพื่อเป็นการป้องกันมากกว่าการปราบปราม พร้อมให้ความมั่นใจกับภาคธุรกิจการท่องเที่ยวว่าจะไม่เกิดเหตุรุนแรงขึ้น โดยรัฐบาลจะดูแลสถานการณ์อย่างดีที่สุด