สำนักงานศุลกากรจีนรายงานในวันนี้ว่า ยอดส่งออกเดือนก.พ.พุ่งขึ้น 45.7% ต่อปี ซึ่งสูงกว่าที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่าจะเพิ่มขึ้นประมาณ 35-40% เนื่องจากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลกทำให้ดีมานด์สินค้าจากจีนเพิ่มขึ้นด้วย ขณะที่ยอดการนำเข้าเดือนก.พ.ทะยานขึ้น 44.7% ต่อปี ซึ่งข้อมูลการค้าในเดือนก.พ.บ่งชี้ว่าเศรษฐกิจจีนฟื้นตัวขึ้นจากภาวะเศรษฐกิจโลกถดถอยแล้ว
ยอดการนำเข้าที่เพิ่มขึ้นสูงกว่ายอดส่งออกในเดือนก.พ. ทำให้ยอดเกินดุลการค้าเดือนก.พ.ของจีนลดลงสู่ระดับต่ำสุดในรอบ 1 ปีที่ 7.61 พันล้านดอลลาร์ และสะท้อนเห็นว่าจีนอาจก้าวขึ้นเป็นตลาดสินค้ารายใหญ่อันดับหนึ่งของโลกแซงหน้าสหรัฐ อย่างไรก็ตาม การลดลงของยอดเกินดุลการค้าอาจส่งผลกระทบต่อการขยายตัวทางเศรษฐกิจของจีน ซึ่งสวนทางกับสหรัฐที่ยังมียอดเกินดุลการค้า อันเนื่องมาจากยอดส่งออกขยายตัวสูงกว่ายอดนำเข้าในช่วง 2 ปีที่แล้ว
รายงานระบุว่า ยอดส่งออกของจีนในช่วงเดือนม.ค.และก.พ.ได้รับผลกระทบจากปัจจัยตามฤดูกาล เนื่องจากวันหยุดเทศกาลตรุษจีนปีนี้ตรงกับเดือนก.พ. หลังจากที่ปี 2552 นั้น เทศกาลตรุษจีนตรงกับเดือนม.ค.
ทั้งนี้ จีนซึ่งเป็นผู้ส่งออกรายใหญ่อันดับหนึ่งของโลก กำลังติดตามสถานการณ์ดีมานด์ทั่วโลก และกำลังพิจารณาถอนการใช้มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจที่รวมถึงการตรึงอัตราแลกเปลี่ยนเงินหยวนไว้ที่ระดับเดิมเมื่อเทียบกับดอลลาร์ เพื่อช่วยให้บริษัทส่งออกของจีนสามารถแข่งขันในตลาดโลกได้
อย่างไรก็ตาม นายโจว เสี่ยวฉวน ผู้ว่าการธนาคารกลางจีนกล่าวเมื่อวันที่ 6 มี.ค.ที่ผ่านมาว่า ธนาคารกลางจีนระมัดระวังเรื่องกรอบเวลาการถอนมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ เนื่องจากเศรษฐกิจโลกยังไม่ฟื้นตัวเต็มที่