นายโฆสิต ปั้นเปี่ยมรัษฎ์ ประธานกรรมการบริหาร ธนาคารกรุงเทพ(BBL)ระบุว่า ธนาคารยังคงเป้าหมายในการปล่อยสินเชื่อในปี 53 ที่อัตราการเติบโต 5% โดยขณะนี้มีสัญญาณการปล่อยสินเชื่อที่ดีขึ้นชัดเจนในเดือนม.ค.-ก.พ.53 ดังนั้น จึงมองว่าการปล่อยสินเชื่อไตรมาส 1/53 น่าจะดีกว่าไตรมาส 1/52
เศรษฐกิจไทยเริ่มกลับมาเป็นบวกชัดเจน คาดว่าในปีนี้การขยายตัวทางเศรษฐกิจ(GDP)จะอยู่ในระดับ 3% ซึ่งช่วงครึ่งปีแรกเศรษฐกิจน่าจะเติบโตได้ต่อเนื่อง แต่ครึ่งปีหลังยังมีความเสี่ยงหลายด้าน โดยเฉพาะเศรษฐกิจโลก เพราะจากที่เคยคาดว่าจะฟื้นตัวชัดเจน แต่ขณะนี้มีความกังวลว่าเศรษฐกิจจะฟื้นตัวอย่างต่อเนื่องหรือไม่
นายโฆสิต กล่าวถึงการที่คณะกรรมการนโยบายการเงิน(กนง.)คงอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ 1.25% ว่า การใช้นโยบายการเงินโดยให้อัตราดอกเบี้ยอยู่ในระดับต่ำเป็นการนำมาใช้ในช่วงที่เหตุการณ์ผิดปกติ ซึ่งการคงดอกเบี้ยต่ำนานเกินไปจะมีผลข้างเคียง ซึ่งควรจะปรับอัตราดอกเบี้ยนโยบายกลับสู่ภาวะปกติตามเวลาที่เหมาะสม เนื่องจากขณะนี้มองว่าเศรษฐกิจไทยได้ปรับตัวดีขึ้นตั้งแต่ปลายปี 52 เป็นผลมาจากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลก ที่ทำให้การส่งออกและการท่องเที่ยวขยายตัวได้ดีขึ้น ขณะที่การกระตุ้นเศรษฐกิจมีผลน้อยมาก ดังนั้น ธปท.ควรจะต้องพิจารณาเรื่องนี้
"ส่วนตัวมองว่าเศรษฐกิจดีขึ้นตั้งแต่ปีกลาย การกระตุ้นเศรษฐกิจมีการใช้นิดเดียว แต่เศรษฐกิจดีขึ้น เพราะโลกฟื้น ท่องเที่ยวกลับมา ดังนั้นถือว่าปกติแล้ว"นายโฆสิต กล่าว
นายโฆสิต กล่าวว่า อัตราดอกเบี้ยนโยบายในระดับต่ำไม่ได้ช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจ เพราะคนเริ่มชิน ขณะที่การปรับขึ้นดอกเบี้ยแม้จะทำให้ต้นทุนของผู้ประกอบการสูงขึ้น แต่ในแง่ของผู้ฝากเงินจะมีรายได้ดอกเบี้ยเพิ่มขึ้น ส่วนจะปรับขึ้นในอัตรามากน้อยเพียงใดต้องพิจารณาจากอัตราเงินเฟ้อ และระดับเงินออม
ประธานกรรมการบริหาร BBL ยังให้ความเห็นต่อแนวคิดของรัฐบาลที่จะรวมบัญชีของธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.) เพื่อลดภาระหนี้สินของกองทุนเพื่อการฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงินว่า ไม่ได้มีความสำคัญหรือเป็นเรื่องเร่งด่วนที่รัฐบาลต้องดำเนินการ และมองว่าไม่เห็นมีฝ่ายใดได้หรือเสียประโยชน์ เรื่องดังกล่าวเป็นเรื่องภายใน เพียงแค่ทำให้รัฐบาลประหยัดดอกเบี้ยและงบประมาณเท่านั้น