กฟผ.คาดปีนี้ปริมาณการใช้ไฟฟ้าโต 5% พีคสูงสุด เม.ย.ที่ 23,600 เมกะวัตต์

ข่าวเศรษฐกิจ Wednesday March 10, 2010 16:56 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

ผู้ว่าการการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย(กฟผ.) คาดการณ์ปริมาณการใช้ไฟฟ้าในปี 53 จะมีอัตราการขยายตัวเพิ่มขึ้น 5% จากปีก่อน ซึ่งสอดคล้องกับการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจ โดยเดือน เม.ย.จะมีความต้องการใช้ไฟฟ้าสูงสุด(พีค)ในรอบปีนี้จะอยู่ที่ 23,600 เมกะวัตต์

"สำหรับพีคในเดือนเมษายน 2553 คาดว่าจะอยู่ที่ 23,600 เมกะวัตต์ เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 1,600 เมกะวัตต์ ทั้งนี้คาดการณ์ว่า การใช้ไฟฟ้าทั้งปี 2553 น่าจะเติบโตมากกว่า 5 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งเป็นการเติบโตที่สอดคล้องกับการเติบโตทางเศรษฐกิจของประเทศที่คาดการณ์จะเติบโต 4.5 เปอร์เซ็นต์" นายสุทัศน์ ปัทมสิริวัฒน์ ผู้ว่าการ กฟผ.กล่าว

โดยสถิติการใช้ไฟฟ้าของประเทศในเดือน ก.พ.53 มีปริมาณการใช้ไฟฟ้ารวม 12,354 ล้านหน่วย ปรับตัวเพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 1,482 ล้านหน่วย หรือคิดเป็น 13.64% เป็นผลจากสภาพอากาศที่เริ่มร้อนอบอ้าวเร็วกว่าปกติ ตั้งแต่สัปดาห์ที่ 2 ของเดือน ก.พ.53 และแนวโน้มเศรษฐกิจไทยที่ฟื้นตัวขึ้นต่อเนื่อง และภาคอุตสาหกรรมมีการผลิตเพิ่มขึ้น

ส่วนแนวโน้มการใช้ไฟฟ้าในเดือน มี.ค.ยังคงเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง เห็นได้จากพีคทำลายสถิติสูงสุดในรอบ 2 ปีที่ผ่านมาถึง 4 ครั้ง ซึ่งเดิมการใช้ไฟฟ้าสูงสุดจะเกิดขึ้นในช่วงเดือน เม.ย.-พ.ค.ของทุกปี

"กฟผ.จะเฝ้าติดตามสถานการณ์การใช้ไฟฟ้าของประเทศอย่างใกล้ชิด หากเกิดพีคพุ่งสูงขึ้นในช่วงหลังจากนี้อีก 2 เดือน เพื่อดูแลความมั่นคงในระบบไฟฟ้า" นายสุทัศน์ กล่าว

โดยช่วงระหว่างวันที่ 23 มี.ค.-1 เม.ย.53 บมจ.ปตท.(PTT) จะหยุดจ่ายก๊าซธรรมชาติจากแหล่งในพม่าปริมาณ 1,070 ล้านลูกบาศก์ฟุตต่อวัน ซึ่ง กฟผ.จะเดินเครื่องเสริมด้วยน้ำมันเตาจากโรงไฟฟ้าพลังความร้อนบางปะกง, พระนครใต้, จ.ราชบุรี และเดินเครื่องน้ำมันดีเซลของโรงไฟฟ้าพลังความร้อนร่วมราชบุรี, ไตรเอนเนอยี่ และราชบุรีพาวเวอร์เข้ามาทดแทน นอกจากนี้ยังมีก๊าซธรรมชาติจากแหล่งพัฒนาร่วมไทย-มาเลเซีย หรือ เจดีเอ B17 เข้ามาเพิ่มเติมอีก 300 ล้านลูกบาศก์ฟุตต่อวัน และโรงไฟฟ้าน้ำเทิน 2


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ