ภาวะตลาดเงินนิวยอร์ก: ยูโรพุ่งเทียบดอลล์ หลังนักลงทุนคลายกังวลปัญหาการเงินกรีซ

ข่าวต่างประเทศ Thursday March 11, 2010 07:53 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

ค่าเงินยูโรแข็งแกร่งขึ้นเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (11 มี.ค.) เนื่องจากนักลงทุนคลายความวิตกกังวลเกี่ยวกับเสถียรภาพด้านการเงินในยุโรป หลังจากหลายประเทศ รวมถึงสหรัฐ ได้ประชุมร่วมกันเพื่อหาแนวทางคลี่คลายปัญหาด้านการเงินของกรีซ ขณะที่ดอลลาร์สหรัฐดีดตัวขึ้นเมื่อเทียบกับเงินเยน ขานรับข้อมูลเศรษฐกิจที่สดใสของสหรัฐ

ค่าเงินยูโรพุ่งขึ้น 0.39% แตะที่ 1.3653 ยูโร/ดอลลาร์ จากระดับของวันอังคารที่ 1.3600 ยูโร/ดอลลาร์ ขณะที่เงินปอนด์ร่วงลง 0.19% แตะที่ 1.4970 ปอนด์/ดอลลาร์

นอกจากนี้ ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐพุ่งขึ้น 0.61% เมื่อเทียบกับเงินเยนที่ระดับ 90.510 เยน/ดอลลาร์ จากระดับของวันอังคารที่ 89.960 เยน/ดอลลาร์ แต่อ่อนตัวลง 0.49% เมื่อเทียบกับฟรังค์สวิสที่ระดับ 1.0698 ฟรังค์/ดอลลาร์ จากระดับ 1.0751 ฟรังค์/ดอลลาร์

ส่วนค่าเงินดอลลาร์ออสเตรเลียพุ่งขึ้น 0.11% แตะที่ 0.9147 ดอลลาร์สหรัฐ/ดอลลาร์ออสเตรเลีย จากระดับของวันอังคารที่0.9137 ดอลลาร์สหรัฐ/ดอลลาร์ออสเตรเลีย และค่าเงินดอลลาร์นิวซีแลนด์ร่วงลง 0.13% แตะที่ 0.7018 ดอลลาร์สหรัฐ/ดอลลาร์นิวซีแลนด์ จากระดับ 0.7027 ดอลลาร์สหรัฐ/ดอลลาร์นิวซีแลนด์

ค่าเงินยูโรฟื้นตัวขึ้นเนื่องจากกระแสความวิตกกังวลเกี่ยวกับปัญหาการเงินของกรีซเริ่มผ่อนคลายลง หลังจากสหรัฐและอีกหลายประเทศประชุมร่วมกันเพื่อคลี่คลายปัญหาดังกล่าว โดยนายโฮเซ บาร์รอสโซ ประธานกรรมาธิการยุโรปและผู้นำประเทศสมาชิกสหภาพยุโรป กำลังพิจารณาเรื่องขอบข่ายการให้ความช่วยเหลือกรีซ ขณะที่บารัค โอบามา ประธานาธิบดีสหรัฐได้ให้การสนับสนุนมาตรการต่างๆเพื่อรับมือกับวิกฤตการเงินของกรีซด้วย

นอกจากนี้ ค่าเงินยูโรยังได้แรงหนุนหลังจากเยอรมนีเปิดเผยยอดการส่งออกเดือนม.ค.เพิ่มขึ้น 0.2% คิดเป็นมูลค่า 6.4 หมื่นล้านยูโร หรือ 8.67 หมื่นล้านดอลลาร์ ส่วนมูลค่าสินค้านำเข้าอยู่ที่ 5.6 หมื่นล้านยูโร โดยมูลค่าการส่งออกสินค้าไปยังสหภาพยุโรปอยู่ที่ประมาณ 4.1 หมื่นล้านยูโร ส่วนมูลค่าการส่งออกสินค้าไปยังภูมิภาคอื่นๆอยู่ที่ 2.3 หมื่นล้านยูโร

ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐดีดตัวขึ้นเมื่อเทียบกับเงินเยน หลังจากกระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า สต็อกสินค้าในภาคยอดค้าส่งของสหรัฐร่วงลงเกินคาด 0.2% ในเดือนม.ค. ขณะที่ยอดขายในภาคค้าส่งพุ่งขึ้น 1.3% ทำสถิติพุ่งขึ้นติดต่อกันเป็นเดือนที่ 10 โดยสต็อกสินค้าที่ปรับตัวลดลงบ่งชี้ว่าภาคเอกชนทำยอดขายได้ดีและมีแนวโน้มปรับเพิ่มสินค้าในสต็อก

ส่วนค่าเงินปอนด์ดิ่งลงหลังจากสำนักงานสถิติแห่งชาติอังกฤษเผยผลผลิตภาคการผลิตในเดือนม.ค.เพิ่มขึ้นเพียง 0.2% เมื่อเปรียบเทียบกับสถิติปีที่แล้ว ขณะที่นายกอร์ดอน บราวน์ นายกรัฐมนตรีอังกฤษ กล่าวว่า การฟื้นตัวของเศรษฐกิจอังกฤษยังคงเปราะบาง


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ