นายสุกิจ อุดมศิริกุล ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการอาวุโส สถาบันวิจัยนครหลวงไทย(SCRI)เชื่อว่า อย่างน้อยภายในการประชุมครั้งหน้าในวันที่ 21 เม.ย.คณะกรรมการนโยบายการเงิน(กนง.) ยังคงไม่น่าจะตัดสินใจปรับอัตราดอกเบี้ยนโยบาย เนื่องจากปัจจัยพื้นฐานด้านต่างๆ ยังเห็นได้ว่าระดับการฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทยค่อนข้างมีความเปราะบางทั้งในด้านอุปสงค์ในประเทศที่โดนกดดันจากสถานการณ์การเมือง รวมถึงภาคการผลิตที่ยังมีความเสี่ยงจะกลับมาชะลอตัว หลังประเทศคู่ค้าหลักหลายๆประเทศ เริ่มใช้นโยบายการเงินตึงตัวเพิ่มมากขึ้น
วานนี้ กนง.ได้ส่งสัญญาณอย่างชัดเจนว่าทิศทางของระดับอัตราดอกเบี้ยนโยบายของไทยได้กลับมาอยู่ในวัฏจักรขาขึ้นอีกครั้ง หลังจากที่เป็นการทรงตัวในระดับ 1.25% มาตั้งแต่ในช่วง Q2/52 โดยถ้าดูจากคำแถลงการณ์หลังการประชุม กนง. ครั้งที่ผ่านมา จะเห็นได้ชัดเจนว่าระดับอัตราดอกเบี้ยนโยบายของไทยกำลังมีแนวโน้มที่จะเปลี่ยนเป็นขาขึ้นอย่างชัดเจน
ปัจจัยหลักที่ SCRI มองว่าทาง กนง. ได้ให้น้ำหนักต่อการตัดสินใจปรับเปลี่ยนทิศทางอัตราดอกเบี้ยนโยบาย มาจากประเด็นทางด้านเสถียรภาพทางเศรษฐกิจ โดยเฉพาะในด้านของระดับอัตราเงินเฟ้อที่เริ่มมีการขยายตัวในระดับสูงต่อเนื่องติดต่อกันหลายเดือน
ในมุมมองของ SCRI แม้ว่าในช่วงที่ผ่านมาการขยายตัวของระดับอัตราเงินเฟ้อจะยังคงมีปัจจัยสำคัญจากระดับฐานที่ต่ำในปีก่อนหน้า (Base effect) แต่อย่างไรก็ดีมองว่าในช่วงที่เหลือของปี การปรับเพิ่มขึ้นของระดับอัตราเงินเฟ้อจะมีความชัดเจนมากขึ้น เนื่องจากโดนแรงกดดันทั้งจากการขยายตัวของระดับอุปสงค์ในประเทศ ตามภาวะเศรษฐกิจที่กลับมาฟื้นตัว และรวมถึงภาวะอุปทานของสินค้าในตลาดที่มีแนวโน้มขาดแคลน โดยเฉพาะในด้านของสินค้าทางภาคการเกษตร ตามสภาวะอากาศที่ไม่เอื้ออำนวยต่อการเพาะปลูก
โดยรวม SCRI เชื่อว่าจะส่งผลกระทบโดยตรงต่อการดำเนินนโยบายการเงินแบบผ่อนคลาย ให้มีความจำเป็นต้องมีการปรับระดับอัตราดอกเบี้ยนโยบายเพิ่มขึ้น เพื่อที่จะผ่อนคลายจากการคาดการณ์อัตราเงินเฟ้อในตลาด (Inflation Expectations) ที่สูงกว่าความเป็นจริง และมีโอกาสที่จะก่อให้เกิดการปรับตัวของอัตราเงินเฟ้อในรอบที่ 2 (second-round effect) เพิ่มขึ้นในอัตราเร่งก็เป็นได้