นักวิเคราะห์จากสถาบันการเงินรายใหญ่ รวมถึงสแตนดาร์ด ชาร์เตอร์ด, โนมูระ โฮลดิ้งส์ และรอยัล แบงค์ ออฟ แคนาดา คาดการณ์ว่า ธนาคารกลางจีนจะประกาศขึ้นอัตราดอกเบี้ยภายใน 3 สัปดาห์นี้ เนื่องจากตัวเลขเงินเฟ้อของจีนพุ่งขึ้นอย่างรวดเร็ว นอกจากนี้ การปรับตัวขึ้นของเงินเฟ้อทำให้ยอดการออมในภาคครัวเรือนของจีนหดตัวลง ซึ่งส่งผลกระทบต่อกำลังการซื้อหุ้นและอสังหาริมทรัพย์ของจีน อีกทั้งก่อให้เกิดแรงกดดันต่อราคาสินทรัพย์ภายในประเทศด้วย
สำนักงานสถิติแห่งชาติจีนรายงานเมื่อวานนี้ว่า ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) เดือนก.พ.ขยายตัว 2.7% เมื่อเทียบเป็นรายปี เนื่องจากราคาอาหารปรับตัวสูงขึ้น 6.2% ส่วนราคาสินค้านอกหมวดอาหาร พุ่งขึ้น 1% ขณะที่ผลผลิตภาคอุตสาหกรรมปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว
นอกจากนี้ นักวิเคราะห์ของบาร์เคลย์ส แคปิตอล คาดการณ์ว่า จีนอาจเผชิญกับดัชนี CPI ซึ่งเป็นดัชนีชี้วัดเงินเฟ้อ พุ่งขึ้นแตะระดับ 3.5% ในปีนี้ จากเดิมที่เคยคาดการณ์ไว้ที่ 3% ขณะที่นายกรัฐมนตรีเหวิน เจียเป่าของจีน ตั้งเป้าควบคุมเงินเฟ้อไม่ให้สูงเกิน 3% หลังจากรัฐบาลอัดฉีดเม็ดเงินจำนวนมากเข้าสู่ระบบเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจให้ขยายตัวขึ้น ซึ่งส่งผลให้ตัวเลขจีดีพีไตรมาส 4 ขยายตัว 10.7%
ด้านนายโจว เสี่ยวฉวน ผู้ว่าการธนาคารกลางจีนมองว่า ดัชนี CPI เดือนก.พ.ออกมาสอดคล้องกับที่คาดการณ์ไว้ และดัชนีมีแนวโน้มชะลอตัวลงในเดือนมี.ค. เนื่องจากสภาพอากาศในประเทศจีนแจ่มใสขึ้น หลังจากพายุหิมะที่กระหน่ำในประเทศจีนส่งผลให้ต้นทุนค่าอาหารพุ่งขึ้น 6.2% ในเดือนก.พ.
นอกเหนือจากดัชนี CPI แล้ว สำนักงานสถิติแห่งชาติจีนรายงานว่า ยอดค้าปลีกเดือนม.ค.และก.พ. 2553 ปรับตัวขึ้น 17.9% เมื่อเทียบเป็นรายปี แตะ 2.51 ล้านล้านหยวน (3.675 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ) ขณะที่ยอดการส่งออกรถยนต์เดือนม.ค.เพิ่มขึ้น 44.64% เมื่อเทียบเป็นรายปี ผลผลิตภาคอุตสาหกรรมเดือนก.พ.ขยายตัวขึ้น 20.7% และดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) ขยายตัวขึ้น 5.4% ในเดือนก.พ.