นายแพทย์วรรณรัตน์ ชาญนุกูล รมว.พลังงาน กล่าวว่าที่ประชุมคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ (กพช.) เห็นชอบร่างแผนพัฒนากำลังการผลิตไฟฟ้าของประเทศ ระหว่างปี 2553-2573 หรือ PDP 2010
สาระสำคัญ คือ ปรับพยากรณ์ความต้องการใช้ไฟฟ้าของประเทศลดลงตามการขยายตัวทางเศรษฐกิจ จากเดิมขยายตัวร้อยละ 5-5.5 ลดเหลือร้อยละ 4.3-4.5 และลดสัดส่วนการใช้ก๊าซธรรมชาติในการผลิตไฟฟ้า เหลือร้อยละ 42 จากร้อยละ 70 ภายใน 20 ปีข้างหน้า เพื่อเพิ่มการผลิตไฟฟ้าจากโรงไฟฟ้าพลังงานความร้อนร่วม หรือ โคเจนเนอเรชั่น การใช้พลังงานหมุนเวียน และการรับซื้อไฟฟ้าจากประเทศเพื่อนบ้านมากขึ้น แต่จะต้องรับซื้อไม่เกินร้อยละ 25 ของความต้องการทั้งหมด ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก
ทั้งนี้ ยังได้มีการพิจารณาเรื่องปริมาณสำรองไฟฟ้า โดยในช่วง 6-7 ปีแรก จะคงไว้ที่ร้อยละ 60 จากนั้นจะลดเหลือร้อยละ 15 เพื่อป้องกันปัญหาการขาดแคลนก๊าซธรรมชาติ ซึ่งจะส่งผลให้ภายในปี 2573 จะมีกำลังผลิตไฟฟ้ารวม 65,547 เมกะวัตต์ นอกจากนี้ ยังเห็นชอบให้จัดทำแผน PDP สำรองเพิ่มอีกฉบับ กรณีไม่มีการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานนิวเคลียร์ จำนวน 5 โรงกำลังการผลิต 5,000 เมกะวัตต์ ภายใน 10 ปีข้างหน้า
นอกจากนี้ ที่ประชุม กพช.ยังได้เห็นชอบให้มีการชดเชยรายได้ของ 3 การไฟฟ้า ได้แก่ การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย(กฟผ.) การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค(กฟภ.) และการไฟฟ้านครหลวง(กฟน.) เพื่อเป็นการเกลี่ยรายได้ให้เหมาะสม โดยกำหนดอัตราการคืนทุนของ กฟน.และ กฟภ. อยู่ที่ร้อยละ4.8 ซึ่งในปี 2553 กฟน.จะต้องจ่ายเงินให้ กฟภ. ในวงเงิน 9,320 บาท กฟผ. จ่ายให้ กฟภ. 3,260 ล้านบาท รวมเป็นเงิน 12,580 ล้านบาท นอกจากนี้ ที่ประชุมยังเห็นชอบให้มีการลงนามบันทึกข้อตกลงรับซื้อไฟฟ้าจากโรงไฟฟ้าไซยบุรี (อ่านว่า ไซ ยะบุรี)จากสาธารณรัฐประชาชนลาว ที่มีกำลังการผลิต 1,280 เมกะวัตต์ แต่จะขายไฟให้ไทย 1,220 เมกะวัตต์ ราคาอยู่ที่ 2.159 บาทต่อหน่วย ซึ่งถูกกว่าค่าไฟจากโครงการน้ำงึม ที่อยุ่ที่ 2.425 บาทต่อหน่วย โดยมีสัญญารับซื้อ 25 ปี