ยอดค้าปลีกสหรัฐเดือนก.พ.ส่อเค้าปรับตัวลดลงจากผลกระทบของพายุหิมะที่กระหน่ำหลายพื้นที่ของสหรัฐในช่วงเวลาดังกล่าว ซึ่งทำให้ชาวสหรัฐชะลอการจับจ่ายซื้อสินค้าตามห้างร้านทั่วประเทศ
นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่า ยอดค้าปลีกของสหรัฐอาจปรับตัวลดลง 0.2% หลังจากที่เพิ่มขึ้น 0.5% ในเดือนม.ค. เนื่องจากพายุหิมะที่ตกหนักเป็นประวัติการณ์ในพื้นที่ภาคตะวันออกของสหรัฐ ทำให้ผู้บริโภคต้องเก็บตัวอยู่แต่ในบ้านและไม่สามารถเดินทางมาซื้อสินค้ายังร้านค้าต่างๆได้ นอกจากนี้ การประกาศเรียกคืนรถของโตโยต้าก็ส่งผลกระทบต่ออุปสงค์ผู้บริโภคด้วยเช่นกัน
โดยยอดขายยานยนต์ในเดือนก.พ.ลดลงแตะระดับต่ำสุดที่ 10.4 ล้านคัน จากระดับ 10.8 ล้านคันในเดือนม.ค. โดยเฉพาะยอดขายของโตโยต้าร่วงลง 8.7% จากปีก่อนหน้านี้ ส่วนยอดค้าปลีกที่ไม่นับรวมยอดขายยานยนต์มีแนวโน้มขยายตัว 0.1% หลังจากพุ่งขึ้น 0.6% ในเดือนก่อนหน้านี
อย่างไรก็ตาม นักวิเคราะห์บางกลุ่มเห็นว่า รายงานความเสียหายที่มีผลสืบเนื่องจากสภาพอากาศที่เลวร้ายในกลุ่มผู้ค้าปลีกนั้นไม่ได้รุนแรงอย่างที่หลายฝ่ายวิตกกังวล ดังจะเห็นได้จากการรายงานยอดขายของห้างฯเมซี่ส์ที่พุ่งสูงเกินคาดเมื่อเดือนที่ผ่านมาเพราะได้รับอานิสงส์จากการซื้อของขวัญวันวาเลนไทน์
ขณะเดียวกัน นักวิเคราะห์เชื่อว่าตัวเลขจ้างงานส่งผลกระทบต่อยอดค้าปลีกมากกว่าเหตุการณ์พายุหิมะ โดยรายงานจากกระทรวงแรงงานเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมาระบุว่า ตัวเลขคนตกงานในเดือนก.พ.มีน้อยกว่าที่คาดการณ์ไว้ ซึ่งอาจเป็นสัญญาณบ่งชี้ว่าจะมีการจ้างงานมากขึ้นในอนาคต และจะช่วยกระตุ้นการใช้จ่ายได้มากยิ่งขึ้นในเดือนต่อไป
ทั้งนี้ กระทรวงพาณิชย์จะรายงานยอดค้าปลีกประจำเดือนก.พ.ในเวลา 08:30 น.ตามเวลาท้องถิ่นในกรุงวอชิงตัน ก่อนที่จะมีการเปิดเผยดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเบื้องต้นของรอยเตอร์/มหาวิทยาลัยมิชิแกนในเดือนมี.ค.ที่คาดว่าจะเพิ่มขึ้นสู่ระดับ 74 จุด จากระดับ 73.6 จุดในเดือนที่แล้ว ตามด้วยรายงานยอดสินค้าคงคลังที่คาดว่าจะขยายตัว 0.1% ในเดือนม.ค.หลังจากที่ร่วงลง 0.2% ในเดือนก่อนหน้านี้